Saturday, September 17, 2011

เวลาเยียวยาความรู้สึก แต่ไม่ทำให้ทุกอย่างเหมือนเดิม

เวลา

ข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เมื่อไหร่ก็ตามที่ "อกหัก" ... "เสียใจ" หลายคนมักบอกว่าเวลาจะเยียวยาทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเมื่ออะไร ๆ มันผ่านไปแล้ว ความเจ็บปวดต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ เบาบางลง หรือจางหายไปในที่สุด แต่สำหรับบางคนมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น ยิ่งนานวันยิ่งคิดถึงอดีตที่ทั้งเจ็บปวดและงดงาม

          บางคนใช้เวลาเป็นเครื่องลบเลือนความเจ็บปวด โดยอาจหลงลืมไปว่า "เวลา" มันไม่สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว จริงอยู่ว่าเวลาช่วยรักษาแผลใจ รักษาความรู้สึก แต่ไม่ช่วยให้ใครกลับไปแก้ไขอะไรตามที่อยากให้เป็น อาจเพราะเวลาไม่เคยเดินถอยหลัง มีแต่เดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีวันสิ้นสุด และเมื่อเวลาล่วงเลยผ่าน ไม่มีใครสามารถกลับไปทำในสิ่งที่อยากทำได้

         คงคล้าย ๆ กับเชือก ที่เมื่อขาดไปแล้วถึงจะเอากลับมาผูกติดกันใหม่ได้ แต่อย่าลืมว่ามันก็ยังมีปมเล็ก ๆ ที่ไม่ว่าจะสัมผัสเมื่อไหร่ ก็รู้สึกระคายมือเสมอ

          ใน เมื่อมีโอกาสที่จะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้ว ดูแลความรู้สึกกันและกันอยู่เสมอ ทำความเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่อีกคนเป็น เผื่อวันหนึ่งข้างหน้า มีอะไรเกิดขึ้นกับความรักของคุณทั้งคู่ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายเวลา เพราะคุณทำมันดีที่สุดแล้ว...แม้ชีวิตไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนในละคร แต่หากทะนุถนอม เอาใจใส่กันดี ๆ มันก็สวยงามได้

          เพราะ ฉะนั้น อย่ารอให้เกิดความสูญเสียก่อน ถึงจะทำให้รู้ว่า "เวลา" มีค่ามากแค่ไหน อย่าปล่อยให้อะไรมันสายเกินไป หากวันนี้ความรักของคุณยังงดงามอยู่ ก็ควรจะรักษาความสวยงามนั้นไว้ให้ดี ๆ อยากกอดต้องทำ อยากบอกรักต้องบอก หรือถ้าคุณกำลังอยู่ในภาวะอกหักรักคุด และเชื่อเถอะว่า "เวลา" จะรักษามันได้อย่างสนิทใจ เพียงแค่คุณเปิดใจยอมรับกับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในชีวิต

อย่า! ได้ทำแบบนี้กับคนที่เราไม่คิดอะไรด้วย

ไม่ว่าคุณจะมีใครแล้วหรือไม่
อย่าได้ทำแบบนี้กับคนที่เราไม่ได้คิดอะไรด้วย ไม่ว่าจะเป็น...
โทรหา เวลาดึกๆ เพราะเวลานี้มีไว้ให้คนพิเศษเท่านั้น
ดังนั้นขอร้องคุณ อย่าโทรมาบ่อยๆ ครั้งละนานๆ
เพราะไม่งั้นคนรับสายจะพาลคิดเข้าข้างตัวเองไปใหญ่
อย่า! โทรหา เพื่อร้องเพลงให้ฟัง และให้เราช่วยร้องด้วย
ถ้าเขาถามว่า โทรไปร้องเพลงให้คนอื่นฟังบ่อยเหรอ
อย่า! ตอบว่า . . . "เปล่า เราโทรมาร้องให้เธอฟังคนเดียว"
อย่า!เล่าเรื่องราวครั้งก่อนกับแฟนคนเก่าและอย่า!พูดว่าตัวเองเหงา . . . อยากมีใครสักคนให้ได้ยิน เพราะคนฟังอาจจะอยากเป็นคนๆ นั้น       
อย่า!บอกว่า ชอบทำขนมและเมื่อเขาขอให้ทำให้ทานบ้างก็ อย่า!ตอบว่า "ได้"
เพราะสำหรับคนที่ได้ฟังแล้ว
การมีใครสักคนทำขนมให้ทานมันไม่ได้แปลว่า . . .
เพื่อนธรรมดาๆ สักคนแล้ว
อย่า!ร้องไห้ให้เห็น หรืออย่างน้อยก็อย่าทำเสียงให้เข้าใจว่า . . .
คุณกำลังร้องไห้เสียใจอยู่
เพราะไม่งั้นเขาจะอ่อนแอ
และอยากจะช่วยคนที่กำลังอ่อนแอ
อย่า!คุยโทรศัพท์ กับเขาคนนั้นถึงเช้า ก่อนจะบอกอรุณสวัสดิ์ พร้อมกับราตรีสวัสดิ์
เพราะไม่งั้นก่อนนอนเขาจะคิดถึง และในฝันก็คงมีแต่ภาพคุณ
อย่า!พูดว่า อยากเจอ หรือถามว่าว่างวันไหน
เพราะทุกครั้งที่คุณบอกว่า อยากเห็นหน้า
เขาจะคิดว่า คุณคิดถึงเขา
อย่า! เดินเข้าไปใกล้ว อย่าแตะมือ และอย่าคล้องแขนเขาเพราะมันจะทำให้เขาคิดว่า เขากับคุณเป็นคู่รักกันได้

ก่อนจะแยกกัน อย่า! ชวนเขาไปหาอะไรทานอย่า! ชวนเขาไปเดินดูของ
อย่า! แม้แต่จะให้เขาไปส่ง
เพราะเขาอาจจะหาทางกลับมาคนเดียวไม่ได้อีกแล้ว

ทั้งๆที่เค้าบอกว่าเบื่อ ไปหาคนใหม่ที่ดีกว่า อยู่ห่างๆกันดีกว่า

Monday, September 12, 2011

^_^

อย่าปล่อยให้คนที่รักคุณ .. เรียนรู้การอยู่ลำพัง บ่อยเกินไป
เพราะซักวัน ! เค้าจะอยู่ได้โดยไม่มี ''คุณ''

Sunday, September 11, 2011

สำหรับความรัก...ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ

ความรัก


ข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เชื่อว่าทุกคนย่อมมี "คนรัก" ในฝัน ที่เราวาดไว้ว่าอยากจะได้คนที่มีคุณสมบัติแบบนั้นแบบนี้ ไม่ว่าจะสูง ขาว หล่อ สวย นิสัยดี น่ารัก เข้าใจกัน อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผล ฯลฯ แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว มีไม่มากหรอกนะที่จะได้ปลูกต้นรักกับคนในฝันตามที่วาดหวังไว้

          และ เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อมีความรักแล้วจะต้องพบเจอกับความสุข หัวเราะ ร่าเริงสดใส ในขณะเดียวกันก็ต้องพบเจอกับความทุกข์ ความเสียใจ เศร้าสร้อย และร้องไห้ โดยที่คุณไม่สามารถไปชี้นิ้วสั่งได้ว่า คนที่จะมาเดินจูงมือคุณเดินไปในเส้นทางแห่งรัก จะต้องเป็นที่คนวาดฝันเสมอไป หรือ ณ เวลานี้คุณจะต้องพบเจอกับความสุขหรือทุกข์มากกว่ากัน

          ความสมบูรณ์แบบสำหรับ "ความรัก" คือสิ่งที่ใจเราวาดฝันไว้ แต่ไม่มีอยู่ในโลกของความเป็นจริง ทำได้ดีที่สุดก็แค่ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบ ตามที่ใจคุณกำหนดเท่านั้นแหละ จริงอยู่ที่ทุกคนมีสิทธิเลือก เลือกที่จะคิดหรือทำในสิ่งที่ใจต้องการ เลือกที่จะหวังให้ได้คนรักในแบบที่ตัวเองพอดี แต่สิ่งใดล่ะที่เป็นตัวบอกคุณว่า...คุณเจอกับรักที่ต้องการแล้ว?

          ไม่มีอะไรบอกเราได้หรอกว่า "ความรักที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างไร" เพราะนิยามความรักของแต่ละคน แต่ละคู่ แตกต่างกันออกไป บางคนก็ยอมให้หัวใจเจ็บ เพื่อแลกกับความสุข บางคนยอมเจ็บปวด เพื่อแลกกับรอยยิ้มเล็ก ๆ จึงไม่มีใครบอกได้ว่ารักของใครดีที่สุดหรือเจ็บปวดที่สุด

          คิดซะว่าความรักไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ ขอแค่คนที่อยู่ข้าง ๆ คุณ เขาหรือเธอเป็นคนที่เข้าใจกันและยอมรับในกันและกัน พูดคุยภาษาเดียวกันรู้เรื่อง รับฟังเหตุผลของกันและกัน ดูแลเอาใจใส่กันและกัน เพียงเท่านี้ก็นับว่าคุณเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแล้วล่ะ เพราะอย่าลืมว่าไม่มีอะไรในโลกที่จะสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง ได้เท่านี้ก็สุขใจในทุก ๆ วันแล้ว ^___^

Monday, September 5, 2011

good life


30 เรื่องท้าทาย ที่น่าลองทำในแต่ละวัน

บทความดี  ๆ



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


         ชีวิตคุณในแต่ละวันเบื่อหน่ายกับความซ้ำซากจำเจในการใช้ชีวิตอยู่บ้างไหมครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ขอให้เร่เข้ามาทางนี้โดยไว เพราะวันนี้เรามีบทความดี ๆ จากเว็บไซต์ Highexistence.com ที่ ได้รวบรวม 30 เรื่องท้าทาย น่าลองทำในแต่ละวัน มาฝากให้ทุก ๆ ท่านได้ลองนำไปปรับใช้กัน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาลองดูกันว่าทั้ง 30 เรื่องท้าทายที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง และจะน่าสนใจมากน้อยเพียงใด ตามมาทางนี้เลย...

1. เขียนสิ่งที่ชอบและอยากจะทำ

         จะทำเรื่องอะไรที่ท้าทายทั้งที ก็ต้องเริ่มจากสิ่งที่ชอบหรืออยากจะทำเสียก่อน ฉะนั้นแล้วลองมานั่งไล่เรียงดูว่าอยากทำอะไรบ้าง มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด แล้วทำตามสิ่งที่อยากทำนั้นไปทีละข้อ ๆ จนครบทั้งหมด

2. ทักทายคนแปลกหน้าเล็ก ๆ น้อย ๆ

         เปิดโลกของตัวคุณเองให้มีความสดใสและแปลกใหม่มากยิ่งขึ้นด้วยการทักทายเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนแปลกหน้า อาจจะเป็นในระหว่างที่ไปทำงาน หรือซื้อของนู่นนี่ก็ได้ การทำแบบนี้จะทำให้คุณได้ประสบการณ์ที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาในชีวิตแน่นอน

3. ถ่ายรูปวันละนิด อัพเดตตัวเองวันละหน่อย

         แต่งหน้า จัดผม พร้อมคิดท่าถ่ายรูปให้พร้อม จากนั้นก็ "1..2..แช๊ะ!! " ทำอย่างนี้ทุกวัน อย่างน้อยวันละครั้งก็ยังดี จากนั้นก็เอาไปให้เพื่อนดู หรือโพสต์ลงเฟซบุ๊กให้เพื่อนมาคอมเมนท์ดูบ้างก็ได้ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ชีวิตได้มีเรื่องดี ๆ เข้ามาอีกเยอะเลย

4. ปรับปรุงเรื่องแย่ ๆ และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

         คนเราต้องรู้จักตัวเองว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนแย่ และเมื่อรู้ดังนั้นแล้ว ก็นำสิ่งที่ดี ๆ ไปใช้ ส่วนเรื่องไหนที่แย่ ๆ ก็ปรับปรุงซะ ทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม และพยายามอย่ากลับไปทำแบบนั้นอีก นอกจากนั้นยังต้องหัดเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มด้วย อย่างน้อย ๆ ก็เป็นการเพิ่มความรู้ให้กับตัวเอง

5. เดินเท้าอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน

         การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นต่อชีวิตที่ควรจะทำเป็นประจำอย่างสม่ำ เสมอ แต่ถ้าหากไม่มีเวลาล่ะจะทำยังไง ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็อาศัยช่วงเวลาที่ไปทำงานหรือระหว่างกลับบ้าน ด้วยการเดินเท้าอย่างน้อยสัก 30 นาที บริหารขานิด ๆ หน่อย ๆ เรียกเหงื่อเล็กน้อย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

6. หาเวลาดูแลตัวเองซะบ้าง

         ขอให้จำไว้เสมอว่า ถ้าหากตัวของเราเองยังดูแลได้ไม่ดี ก็อย่าได้ไปหวังดูแลคนอื่นเป็นอันขาด ฉะนั้นดูแลตัวเองให้ดีในทุก ๆ ด้าน ทั้งเรื่องของเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รวมถึงสุขภาพของตัวเอง เพื่อให้สามารถมีแรงและสุขภาพจิตที่ดีในการทำสิ่งอื่น ๆ ได้ต่อไป

7. ลองทานอาหารที่ไม่เคยลองไว้บ้างก็ดี

         "เอ๊ะ! นั่นอะไร ชื่อไม่คุ้น สีสันดูแปลก ๆ จะกินได้ไหม" ฯลฯ ข้อสงสัยเหล่านี้มักเกิดขึ้นแทบจะทุกครั้งที่ได้เจอกับอาหารแปลก ๆ หรือของกินที่ไม่เคยทานมาก่อน อย่ามัวแต่สงสัยอย่างนั้น ลองทานไปเลยแล้วค่อยมาตัดสินว่าชอบไม่ชอบหรือไม่ ดีไม่ดี คุณอาจจะได้เมนูอร่อยเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้

8. งดของมึนเมาและสิ่งเสพติดอื่น ๆ

         "อันสุราเมรัยใครเสพติด พาชีวิตมืดมนจนฉิบหาย หนึ่ง สินทรัพย์ตนนั้นพลันวอดวาย สอง อาจตายด้วยทะเลาะเพราะความเมา สาม ต้องเจ็บป่วยด้วยโรคาพยาธิ สี่ คนตำหนินินทาพาอับเฉา ห้า หน้าด้านหนักหนาเวลาเมา หก โง่เขลาปัญญาหดหมดสิ้นเอย" นี่คือบทกลอนสอนใจจากพระไตรปิฎก ที่บอกให้รู้ถึงโทษภัยของการบริโภคของมึนเมาและสิ่งเสพติดอิ่น ๆ รู้อย่างงี้แล้วก็เลิกซะ เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน

  9. เขียนไดอารี่เล็ก ๆ น้อย ๆ

         การเขียนไดอารี่มีแระโยชน์มากมาย เพราะนอกจากจะเป็นการบันทึกว่าในแต่ละวันได้ทำอะไรไปแล้วบ้างนั้น ยังถือเป็นตัวช่วยชั้นเยี่ยมในการระบายความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจและไม่ สามารถบอกกับใครได้เลยอีกด้วย ไม่เชื่อลองเขียนไดอารี่ดูได้

  10. วาดภาพระบายอารมณ์

         วันไหนที่มีเรื่องเครียดหรือเรื่องไม่สบายใจ ลองมาระบายความเครียดด้วยการวาดภาพหรือสร้างผลงานศิลปะซะเลย จะขีด จะเขียน จะเน้นตรงไหนก็ทำได้เลยเต็มที่ ไม่มีใครว่า รับรองได้เลยว่าจะช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาแน่นอน

  11. หาสารคดีมาชมประดับความรู้

         อย่าเพิ่งคิดว่านี่เป็นเรื่องที่แสนจะน่าเบื่อ เพราะการดูสารคดีที่ชื่นชอบหรือเรื่องที่น่าสนใจ จะสร้างความเพลิดเพลินและเพิ่มพูนความรู้ ความจริง และความกระจ่างแจ้งเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าได้สาระไปแบบเน้น ๆ เลยล่ะ

  12. อ่านหนังสือ เพิ่มอาหารสมอง

         ว่ากันว่าคนไทยเราอ่านหนังสือกันเฉลี่ยไม่ถึง 8 บรรทัด ฉะนั้นแล้วอย่าไปทำตามแบบนั้น มาเพิ่มบรรทัดให้มากขึ้นด้วยการหาหนังสือดี ๆ สักเล่มมาอ่าน นอกจากจะสร้างความเพลิดเพลินในการอ่านแล้ว ยังเป็นการช่วยให้สมองได้ทำงานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

  13. ขวนขวายหาความรู้ที่อยู่เสมอ

         ในชีวิตคนเรามักมีเรื่องที่ต้องให้เรียนรู้และต่อยอดทางความคิดอยู่เสมอ ฉะนั้นแล้วพยายามขวนขวายหาความรู้เข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใกล้หรือไกลตัวก็ขอให้ลอง ๆ เรียนรู้เอาไว้เสมอ เพื่อที่สักวันหนึ่งจะสามารถนำความรู้นั้น ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ต่อไป

14. เดิน วิ่ง ขับรถ ลองซะ!

         เปลี่ยนความซ้ำซากจำเจของการใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ในการเดินทางไปที่ต่าง ๆ ให้ต่างไปจากเดิม เช่น จากที่นั่งรถไปทำงาน ก็ลองลงเดินดูบ้าง หรือไม่ก็วิ่งซะเลย ได้ทั้งความแปลกใหม่ในชีวิตแถมยังได้สุขภาพแข็งแรงตามมาอีกด้วย

  15. ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและอื่น ๆ เกี่ยวกับโลกใบนี้

         โลกเราทุกวันนี้มีความเปลี่ยนแปลงหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา และเพื่อให้คุณเป็นคนที่ก้าวทันโลก ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและอื่น ๆ เกี่ยวกับโลกใบนี้อยู่เสมอ จะได้มีประเด็นให้คุณนำไปพูดคุยกับเพื่อนได้แบบไม่ตกเทรนด์

  16. จัดสรรเวลาในแต่ละวันให้ลงตัวและเกิดประโยชน์

         การแบ่งเวลาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากจัดสรรเวลาได้อย่างถูกต้องและลงตัว จะทำให้คุณได้มีเวลาในการพักผ่อนที่มากขึ้น ซึ่งนั่นจะส่งผลดีต่อตัวคุณเองมาก ๆ แถมยังมีเวลาได้ไปทำในสิ่งที่คุณอยากทำได้ตามใจปรารถนาอีกด้วย

  18. สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองทุกวัน

         เพื่อเป็นการสร้างแรงกระตุ้นและปลุกไฟความขยันในตัวคุณขึ้นมา สิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยได้และควรทำอย่างยิ่งก็คือการสร้างแรงบันดาลใจขึ้นมา อยู่เสมอ ๆ แรงบันดาลใจจะทำให้คุณได้มีพลังในการขับเคลื่อนความคิดและการกระทำดี ๆ ให้ออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยมและน่าชื่นชม

  19. อาบน้ำเย็นก็ช่วยได้

         การอาบน้ำเย็น ๆ กระตุ้นให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายดีขึ้นตามไปด้วย แถมยังจะช่วยไล่กรดแลคติคที่ทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดออกไปด้วยเหมือนกัน

  20. มีเป้าหมายที่ชัดเจน และทำตามเป้าหมายนั้น ๆ ให้ได้

         เข้าตำราที่ว่า "ฝันให้ไกล แล้วไปในถึง" ตั้งเป้าหมายในแต่ละวันเอาไว้ ว่าวันนี้ควรทำสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องทำได้มากน้อยขนาดไหน แล้วทำตามเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ ถ้าหากฝึกทำแบบนี้ได้เรื่อย ๆ ทุกวัน ก็จะเป็นการปลูกฝังลักษณะนิสัยดี ๆ ได้อย่างมากอีกด้วย

  21. ลองทำในสิ่งที่ไม่ถนัด

         แน่นอนว่าคนเราเกิดมาไม่ได้ถนัดหรือชำนาญไปซะทุกเรื่อง ดังนั้นถ้าเรื่องไหนที่ไม่ถนัด ก็ลองไปฝึก ๆ ทำดูบ้าง เช่นใครที่ไม่ถนัดการเข้าครัวทำอาหารก็ลองไปเรียนรู้ดู ไม่แน่ คุณอาจจะเป็นเชฟมือทองขึ้นมาก็ได้ ใครจะไปรู้

  22. เดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์

         เคยมีผลการวิจัยออกมาว่า การกดลิฟท์ในแต่ละครั้ง เท่ากับการเสียเงิน 7 บาท ไม่ว่าจะขึ้นลงในชั้นที่สูงมากน้อยเพียงใดยังไงก็เสียเงิน 7 บาทต่อครั้ง / ต่อคน ฉะนั้นเพื่อเป็นการช่วยชาติประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ก็เดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์กันดีกว่า ประหยัดตังค์แถมได้ออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอให้อยู่ในความเหมาะสมด้วย ประเภทต้องขึ้นไปชั้นสูง ๆ ก็ขอให้ใช้ลิฟท์ตามเดิม ไม่งั้นมีหวังได้หมดแรงเดินก่อนแน่ ๆ

  23. ตื่นเช้า ๆ ร่าเริง แจ่มใส

คุณ รู้หรือไม่ว่าการตื่นตอนเช้า ๆ นั้นมีประโยชน์มากมายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การได้สัมผัสกับแสงแดดที่อุดมไปด้วยวิตามินดี ได้ทานอาหารเช้าซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่สุดของวัน แถมยังได้มีเวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้แบบสบาย ๆ มากขึ้น โดยที่ไม่ต้องรีบร้อนแบบตาลีตาเหลือกอีกต่อไป พูดง่าย ๆ ก็คือการตื่นเช้า ๆ เป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก ๆ

  24. ไปเที่ยวพักผ่อน

         หาเวลาว่างอย่างน้อย ๆ สักหนึ่งวันของเดือน ไปเที่ยวพักผ่อนให้หายเหนื่อยซะหน่อย ไม่จำเป็นต้องไปไกลมากนัก อาจจะไปที่ท่องเที่ยวใกล้ ๆ ที่เดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็เข้าท่าอยู่น้อย ให้สมอง จิตใจ และร่างกายได้พักและชาร์ตแบตอย่างเต็มที่ เพื่อที่ในวันต่อ ๆ ไปจะได้มีแรงในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  25. ไม่พูดโกหก

         การพูดโกหกเป็นสิ่งไม่ดี จะทำให้คนอื่น ๆ คอยจับผิดและหลีกเลี่ยงไม่อยากคบ ถ้าไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับตัวคุณ จริงใจเข้าไว้ พูดแต่สิ่งที่เป็นความจริง จะเป็นประโยชน์แก่ตัวคุณเองมากที่สุด

26. ลองทำเรื่องยาก ๆ หลาย ๆ เรื่องในวันเดียว

         ลองเปลี่ยนหนึ่งวันของคุณให้เกิดความแปลกใหม่ด้วยการลองนำสิ่งเราได้กล่าวไป ในข้อข้างบนมาทำรวมกันซะเลย โดยเริ่มจากตื่นแต่เช้า อาบน้ำเย็น เดินไปทำงาน ทักทายคนอื่น ๆ เดินขึ้นบันไดแทนลิฟท์ ติดตามข่าวสารเล็ก ๆ น้อย ๆ ทานอาหารที่ไม่เคยทาน ฯลฯ ถ้าคุณทำแบบนั้นได้ล่ะก็ ชีวิตคุณก็จะมีเรื่องแปลกใหม่เกิดขึ้นตามอีกมากมายเลยล่ะ

  27. ทำสิ่งที่คุณกลัวให้เป็นเรื่องเคยชิน

         เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีบางอย่างที่เป็นเรื่องที่คุณกลัวอยู่ในใจ คุณรู้หรือไม่ว่าความกลัวมักจะพลัดพรากสิ่งดี ๆ ไปจากชีวิตคุณเสมอ ฉะนั้นแล้ว เอาชนะความกลัวต่าง ๆ ของคุณให้ได้ด้วยการพกความใจกล้าในการทำสิ่งเหล่านั้น แรก ๆ จะยากเสียหน่อย แต่ถ้าทำได้ รับรองว่าเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมาก ๆ เลยด้วย

  28. อย่าบ่นให้เมื่อยปาก

         นู่นก็แย่ นี่ก็ไม่ได้เรื่อง อะไรหลาย ๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจเสียที ฯลฯ เชื่อว่าคำพูดเหล่านี้ คงมีหลาย ๆ คนต้องเอ่ยออกมาเพื่อระบายความรู้สึกกันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ก็อย่างว่า บ่นกันไปก็เท่านั้น ไม่ได้ช่วยแก้ไขให้ปัญหาที่เกิดดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นแล้วอย่ามัวแต่บ่นให้เสียเวลา หันไปลงมือแก้ไขแบบจริง ๆ จังเสียดีกว่า เข้าท่ากว่าเยอะเลย

  29. ฝึกสมาธิทุก ๆ วัน

         การที่เรามีสมาธิกับทุก ๆ สิ่งมักจะนำมาซึ่งการประสบความสำเร็จอยู่เสมอ การมีสมาธิมีประโยชน์มากมาย ทั้งทำให้จิตใจผ่องใส สงบ ปลอดโปร่ง ช่วยให้คลายเครียด มีบุคลิกภาพดี กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานและสิ่งอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดีอีกต่างหาก

  30. ออกไปทำประโยชน์เพื่อสังคมบ้าง

         ทุกวันนี้มีหน่วยงานหลากหลายองค์กรได้ผลักดันให้มีการออกไปทำประโยชน์เพื่อ สังคมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การช่วยกันสร้างโรงเรียนในที่ห่างไกล สร้างฝายกั้นน้ำ ดูแลเด็กเล็ก และอื่น ๆ อีกมากมาย การช่วยเหลือสังคมถือเป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดประโยชน์มาก ๆ อีกทั้งยังเสริมสร้างให้เกิดความสุขแบบอิ่มเอมใจมาก ๆ อีกด้วย