Sunday, September 30, 2012

สิ่งเล็กน้อย แต่ยิ่งใหญ่ที่ผู้ชายควรปฏิบัติต่อคนรัก

สิ่งเล็กน้อย แต่ยิ่งใหญ่ที่ผู้ชายควรปฏิบัติต่อคนรัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ผู้ชายทุกคนย่อมหวังอยู่เสมอว่า ความสัมพันธ์ของตัวเองและแฟนสาวจะต้องเดินหน้าแบบไม่มีปัญหาใด ๆ แต่บางครั้งพบว่ามีปัญหาที่ทำให้ความสัมพันธ์ต้องสะดุดหยุดพัฒนาไปซะอย่าง งั้น ซึ่งสาเหตุสำคัญคือ ผู้ชายอย่างเรา ๆ มักละเลยเรื่องเล็ก ๆ บางเรื่อง ที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงไปนั่นเอง ซึ่งคุณก็อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่ว่ามันคืออะไร เราจึงขอแนะนำสิ่งเล็กน้อย (แต่ให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่) ที่ผู้ชายควรปฏิบัติต่อคนรัก เพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนยาวนานตามที่คุณฝันไว้ ดังต่อไปนี้

 1. ส่งข้อความถึงเธอตอนเช้า/ก่อนนอน

          วิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำให้แฟนสาวมีความสุขไปตลอดทั้งวันเลยคือ การส่งข้อความหวาน ๆ หาเธอในตอนเช้า คุณไม่ต้องมานั่งหาคำอะไรยาก ๆ ส่งไปก็ได้ แค่ส่งคำว่า "อรุณสวัสดิ์ครับ" หรือ "คิดถึงนะ" เท่านี้ก็ทำให้หัวใจเธอพองโตแล้ว แต่ถ้าหากคุณดันพลาดตื่นสายหรือลืมส่งก็ไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด เพราะยังมีเวลาก่อนนอนให้คุณแก้ตัวอยู่ โดยส่งข้อความราตรีสวัสดิ์พร้อมพิมพ์จูจุ๊บลงไปด้วย เท่านี้ก็ช่วยให้เธอหลับสบาย ฝันหวานถึงแต่คุณไปทั้งคืนจนถึงเช้าเลย

2. พาเธอไปส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย

          หากคุณหวังให้แฟนสาวที่คบหากันอยู่ประทับใจในตัวคุณมากขึ้น สิ่งที่ควรทำหลังจากที่การออกเดทเสร็จสิ้นลงแล้วคือการส่งเธอกลับบ้าน ต่อให้ความจริงบ้านเธอจะอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เดทกันก็ตาม แต่การไปส่งเธอถือเป็นการแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ และความเอาใจใส่ในตัวคุณออกมาให้เธอเห็น ซึ่งทำให้เธอรู้สึกว่ามีคนคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง

สิ่งเล็กน้อย แต่ยิ่งใหญ่ที่ผู้ชายควรปฏิบัติต่อคนรัก

3. ทำให้เธอไว้ใจ

          สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ให้เป็นไปด้วยความราบรื่นนั่น คือ การสร้างความไว้ใจ ในเวลาที่ออกเดทกับแฟน ถ้าเธอเล่าเรื่องลับ ๆ ให้คุณฟัง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชวนซีเรียสหรือเรื่องตลกเปิ่น ๆ น่าขบขัน ให้คุณสนใจฟังในสิ่งที่เธอพูด รวมทั้งให้คำปรึกษายามที่เธอมีเรื่องไม่สบายใจ เพราะการทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีแบบนี้จะช่วยให้เธอรู้สึกสบายใจเมื่อได้ อยู่กับคุณเสมอ และการที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ไม่ว่าเรื่องดีหรือร้ายร่วมกันอยู่บ่อย ๆ มีผลทำให้คุณและเธอไว้ใจซึ่งกันและกันมากขึ้น

4. อย่าลืมวันออกเดท

          ผู้ชายทั้งหลายมักมีปัญหาใหญ่หลวงแบบเดียวกันก็คือ ไม่ชอบจำวันที่นัดออกเดท หากคุณไม่อยากเดือดร้อน เพราะทำให้แฟนสาวโกรธจนควันออกหูก็ต้องจำวันพวกนี้ให้จงได้ ลองจดบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือหรือแปะไว้บนปฏิทินที่ช่วยให้คุณเห็นไปทุก วันจะดีมาก และถ้าเป็นเดทสุดสำคัญเช่น วันเกิดหรือวันครบรอบที่คบกัน ก็ยิ่งห้ามลืมโดยเด็ดขาด

5. วางเป้าหมายร่วมกัน

          หากคบหากับแฟนสาวมาได้สักระนะหนึ่งแล้วรู้สึกได้ว่าเธอคนนี้แหละใช่เลย ก็ลองมานั่งจับเข่าคุยกันและบอกถึงเป้าหมายในชีวิต พร้อมวางแผนชีวิตในอนาคตร่วมกัน เพื่อให้เธอรู้สึกว่าคุณต้องการเธอและเห็นเธอเป็นคนสำคัญ อย่าอายที่จะเล่าเรื่องแผนการในอนาคตของคุณให้เธอฟัง (เพราะคุณหวังจะให้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอยู่แล้วนี่นา) แต่ลองถามเธอด้วยว่าคิดอย่างไรกับแผนการครั้งนี้ เพื่อให้เธอมาช่วยคิดร่วมกัน ไม่แน่ว่าเธออาจมีไอเดียดี ๆ ที่น่าสนใจจนคุณคาดไม่ถึงก็ได้นะ

          เมื่อ คุณผู้ชายได้รับรู้ถึงสิ่งเล็ก ๆ ที่สำคัญเหล่านี้ไปแล้ว เชื่อว่าคุณต้องร้องอ๋อ และนึกขึ้นได้คิดว่าเรามองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปจริง ๆ คราวนี้คุณก็สามารถนำสิ่งที่กล่าวมาไปใช้กับแฟนสาวของคุณได้แล้ว ซึ่งเมื่อเธอรู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็กหมด ทุกอย่าง ความรักของพวกคุณก็จะแนบแน่นยิ่งขึ้น ยากที่จะมีสิ่งใดมาทำลายความรู้สึกนี้ให้หมดไปอย่างแน่นอน

หลักการสัมภาษณ์งานที่ดี ทั้งผู้สัมภาษณ์-ผู้ตอบคำถาม




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          สำหรับหลาย ๆ คน ที่อยากทำงานที่ใช่ บริษัทที่ชอบแล้วล่ะก็ การเตรียมพร้อมก่อนการสัมภาษณ์ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำช่วยให้คุณฝ่าฟันอุปสรรคสุดหินนี้ไปได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งการเตรียมตัวที่ว่านี้ ได้แก่การที่ผู้ให้สัมภาษณ์ต้องสร้างความประทับใจให้กับกรรมการสอบสัมภาษณ์
นอก จากภาพลักษณ์ภายนอก ที่ต้องแต่งกายสุภาพ ให้เหมาะสมกับกาลเทศะแล้ว การทำให้กรรมการสอบเห็นว่าผู้สอบสัมภาษณ์มีความเชี่ยวชาญในสายงานที่เลือก หรือมีความคิดอ่านที่ชัดเจนก็สำคัญไม่แพ้กัน

          โดย เริ่มแรก ผู้สอบสัมภาษณ์จะต้องศึกษารายละเอียดในตำแหน่งงานที่ตนสมัคร รวมถึงต้องทำความรู้จักเกี่ยวกับประวัติของบริษัทที่ตนมาสัมภาษณ์อย่างคร่าว ๆ ซึ่งการที่ผู้ตอบสัมภาษณ์รู้ข้อมูลเหล่านี้มาก่อน นอกจากจะช่วยให้มั่นใจงานที่ตนเลือกแล้ว กรรมการสอบสัมภาษณ์จะได้รู้สึกว่า ผู้สอบสัมภาษณ์ได้ผ่านการเตรียมตัวมาก่อน  ขณะเดียวกันผู้สอบสัมภาษณ์มีเรื่องที่ต้องระวังดังนี้

          1. ความตรงต่อเวลา หากผู้สอบสัมภาษณ์ไม่อาจบริหารจัดการตัวเองได้  ย่อมส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของบริษัท ดังนั้นผู้สอบสัมภาษณ์ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเพื่อไปถึงก่อนเวลานัดหมาย แต่หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ควรรีบโทรศัพท์แจ้งผู้นัดหมาย พร้อมอธิบายเหตุผลทันที

          2. ในการตอบคำถามไม่ควรพูดเรื่องครอบครัว หรือเรื่องส่วนตัวมากจนเกินไป และไม่ควรแสดงกิริยาที่ไม่สุภาพ เช่น ล้วง แคะ แกะ เกา หรือเป็นกันเองกับกรรมการสอบสัมภาษณ์มากเกินไป ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นการล้ำเส้น

          3. อย่าตอบคำถามแบบยกตนข่มท่าน โดยคิดว่าตนเองฉลาดกว่าผู้อื่น หรือมองว่าคนอื่นเป็นโง่

          4. แสดงทัศนคติที่ดี ว่าคุณพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทั้งเรื่องงาน และเรื่องรอบตัว

          5. เมื่อต้องอธิบายถึงประสบการณ์ในการทำงาน ควรยกตัวอย่างให้เห็นภาพอย่างชัดเจน แต่หากไม่มีประสบการณืในเรื่องนั้น ๆ ควรแจ้งกรรมการสอบสัมภาษณ์ไปโดยตรง และแสดงให้เห็นว่า คุณต้องการเพิ่มเติมทักษะในเรื่องดังกล่าว และสนใจงานนี้จริง ๆ

          นอก จากการตอบคำถามแล้ว ผู้สอบสัมภาษณ์ควรมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเอกสารต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในใบสมัครทั้งประวัติส่วนตัว  ประวัติการทำงาน เอกสารที่จำเป็นอื่น ๆ ตลอดจนรูปถ่าย สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน เผื่อกรรมการสอบสัมภาษณ์จะเรียกหาเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา อีกด้วย


          ทั้งนี้ ในการสอบสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ มักมีคำถามหลักไม่แตกต่างกันมากนัก  ดังนั้น ผู้สอบสัมภาษณ์ สามารถเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้าได้ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการสอบสัมภาษณ์ โดยแนวคำถามหลัก ๆ มีดังนี้


          ตัวอย่างคำถามที่พบบ่อยในการสอบสัมภาษณ์
           กรุณาเล่าประวัติส่วนตัวคร่าว ๆ

          ทำไมคุณถึงออกจากงานเดิมที่ทำอยู่

          ทำไมคุณจึงเลือกมาสมัครงานที่นี่

          ทำไมคุณถึงเลือกตำแหน่งงานนี้

          จุดเด่น และจุดด้อย ของคุณคืออะไร

          ถ้าได้งานนี้ คุณคิดว่าจะทำงานที่นี่นานเท่าไหร่

          อะไรคือสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบในงานเก่า

          คุณสามารถทำงานล่วงเวลาได้หรือไม่

          คุณวางแผนในอนาคตไว้อย่างไร

          คุณคาดหวังเงินเดือนเท่าไหร่

          อะไรคือความสำเร็จในการทำงานของคุณ

          ทำไมจึงคุณจึงเปลี่ยนงานบ่อยในอดีต

          คุณจะแก้ไขความขัดแย้งในทีมของคุณอย่างไร

          ทำไมเราจึงต้องเลือกคุณแทนที่จะเลือกผู้สมัครคนอื่น

          คุณมีวิธีจัดการกับความกดดันอย่างไร

          คุณมีอะไรจะถามไหม


          นอกจากแง่มุมที่เหมาะสำหรับผู้สอบสัมภาษณ์แล้ว การเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ก็ถือบทบาทสำคัญ สำหรับผู้บริหารในแต่ละองค์กร ที่ต้องคัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถให้เข้ามาทำงานในองค์กรได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันผู้ บริหาร หรือระดับหัวหน้างาน ที่จะมาทำหน้าที่เป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ จะต้องอาศัยประสบการณ์ในการตั้งคำถาม และการสังเกตผู้สมัคร ทั้งทางด้านบุคลิก  ทัศนคติ  และการควบคุมอารมณ์ ดังนั้นกรรมการสอบสัมภาษณ์จึงต้องคำนึงถึงหลักสำคัญดังต่อไปนี้

          1. ควรใช้ทักษะในการอ่านใจคน โดยการตั้งคำถามอย่างมีชั้นเชิง ดังนั้นก่อนการสัมภาษณ์ควรศึกษาข้อมูลของผู้สมัครแต่ละรายในเบื้องต้น เพื่อให้ได้คนที่เหมาะสมที่สุดเข้ามาทำงานให้กับองค์กร

          2. ควรเป็นฝ่ายฟังมากกว่าเป็นฝ่ายพูด เพื่อเก็บข้อมูลจากผู้สมัครให้ได้มากที่สุด

          3. ควรหลีกเลี่ยงความลำเอียง ด้วยการใช้ความรู้สึกตัดสินคนอื่น เช่น ความรู้สึกที่ไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น กรรมการสอบสัมภาษณ์ควรใช้ข้อมูล และเหตุผลในการพิจารณามากกว่า

          4. ถึงแม้จะถูกใจผู้สมัครคนใดเป็นพิเศษ แต่ไม่ควรแสดงออกอย่างชัดเจน หรือตกลงเงื่อนไขอื่น ๆ โดยพลการ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นละเอียดอ่อนมาก

          5. ควรเปิดโอกาสให้ผู้สมัครสอบถามสิ่งที่ยังสงสัย เพื่อทำให้ผู้สมัครงานรู้สึกว่า องค์กรเปิดโอกาสให้เขาได้ซักถามสิ่งที่ต้องการบ้าง


          จากข้อมูลในเบื้องต้นนี้ จะเห็นได้ว่า การสวมบทบาทกรรมการสอบสัมภาษณ์ถือเป็นเรื่องยาก เพราะนอกจากต้องพิจารณาบุคลิกภาพ ไปพร้อมกับการวิเคราะห์การตอบคำถามของผู้สอบสัมภาษณ์อย่างเป็นกลางแล้ว กรรมการสอบสัมภาษณ์ยังต้องมองให้ลึกถึงทัศนคติ และแนวคิด ที่ผู้สอบสัมภาษณ์มีต่อคำถามและองค์กร เพื่อให้ได้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละตำแหน่งงาน มาช่วยการพัฒนาให้องค์กรรุดหน้ามากยิ่งขึ้น 
  

ขอขอบคุณข้อมูลจาก     
siamhrm.com

Thursday, September 20, 2012

5 เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้คุ้มค่ามากขึ้น

5 เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้คุ้มค่ามากขึ้น

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          คุณ เคยคิดไหมว่าจะเป็นเรื่องดีสักแค่ไหน ถ้าสามารถตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุขได้ในทุก ๆ วัน แม้จะอยู่ในช่วงที่เจอเรื่องเศร้า ๆ เข้ามาในชีวิตก็ตาม เชื่อเถอะว่าคุณสามารถมีชีวิตที่มีความสุขอย่างนั้นได้จริง ๆ ในทุกช่วงเวลา หากคุณลองทำตามเคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันนี้ดู รับรองเลยว่าคุณจะมีรอยยิ้มและใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นแน่นอน

 1. พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง

          แน่นอนว่าชีวิตคนเราต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าในทางดีหรือทางร้าย และแบบที่เกิดขึ้นโดยที่คุณเตรียมใจเอาไว้ก่อน หรือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่คุณไม่ทันคาดคิด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน การเปลี่ยนแปลงก็ถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตของคนเรา เพราะสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามา แม้จะเป็นเรื่องแย่ แต่หากลองในแง่บวกมันก็เป็นโอกาสดี ๆ ที่จะช่วยให้เราได้พัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก สู้ทำให้ชีวิตก้าวหน้าต่อไป ดีกว่าหยุดนิ่งอยู่กับความกลัวความเปลี่ยนแปลง

2. หางานอดิเรกใหม่ ๆ ทำ

          แทนที่จะหยุดนิ่งอยู่กับการทำอะไรเดิม ๆ ด้วยการนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตหรือดูทีวีอยู่เฉย ๆ ก็สู้หันมาใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการสมัครคอร์สเรียนพิเศษเพิ่มเติมใน สิ่งที่คุณสนใจดีกว่า เช่น เรียนวาดรูป เล่นดนตรี หรือหากีฬาที่ชอบมาเล่น เป็นต้น คุณจะได้สนุกกับสิ่งที่ชอบได้ทุกวัน แถมไม่แน่..อาจช่วยให้คุณพบความสามารถของตัวเองเพิ่มอีกอย่างแบบที่ไม่เคย คาดคิดมาก่อนเลยก็ได้นะ

5 เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้คุ้มค่ามากขึ้น

3. ลองเขียนเป้าหมายชีวิตดูใหม่

          แม้ว่าคุณจะคิดว่าตัวเองมีเป้าหมายของชีวิตค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว แต่บางทีช่วงวัยที่เปลี่ยนไปและประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาก็อาจทำให้คุณมีเป้าหมายชีวิตที่เปลี่ยนไปบ้างก็ได้ เพราะฉะนั้นลองจดรายการสิ่งที่คุณอยากทำให้สำเร็จ หรือสิ่งที่อยากทำให้ได้สักครั้งในชีวิตออกมาดู รับรองว่าคุณจะพบความเปลี่ยนแปลงในเป้าหมายของตัวเองหลายข้อเลยล่ะ อย่างไรก็ดี เพื่อให้เป้าหมายของคุณเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น อาจติดรายการนั้นไว้ข้างหัวเตียงเพื่อให้คุณรู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้นก็ได้ นะ

4. ให้ความสำคัญกับความสุขมาก ๆ

          ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเราก็คือความสุขนี่แหละ เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่คิดว่าต้องทำตามใคร ๆ เขาเพื่อให้ถูกใจคนรอบข้างจนตัวเองต้องมาปวดหัว แล้วทำในสิ่งที่เราชอบจะดีกว่า คุณจะได้เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ทุกวัน ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่ ๆ เสมอไปหรอก คุณเพียงแต่ควรมองโลกในแง่ดี และชื่นชมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตัวเองมีโดยไม่เปรียบเทียบกับใคร เท่านี้ก็ทำให้คุณมีความสุขได้ง่าย ๆ แล้วล่ะ

5. พร้อมที่จะปรับปรุงตัว

          หากคุณไม่อยากหยุดนิ่งอยู่กับที่ คุณก็ต้องพร้อมพัฒนาข้อดีและแก้ไขข้อเสียของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลาย ๆ คนอาจมองว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นเป็นเรื่องยาก แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณพยายามอย่างจริงจัง แม้จะต้องใช้เวลานานหน่อย สุดท้ายแล้วคุณก็จะต้องทำได้อย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น คุณก็จะรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น จนทำงานได้มีประสิทธิภาพและมีความสุขมากขึ้นตามไปด้วย

          ทั้ง นี้ ข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ควรมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ เพราะไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของตัวเราเองทั้งนั้นแหละ ฉะนั้น จงมีความสุขกับชีวิตของตัวเองไปในทุก ๆ วันจะดีกว่านะครับ

7 วิธีเป็นแฟนแสนดีแบบที่สาว ๆ ต้องการ

7 วิธีเป็นแฟนแสนดีแบบที่สาว ๆ ต้องการ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          หนุ่ม ๆ หลายคนมักทุ่มสุดตัวให้สาว ๆ เฉพาะตอนจีบกันแรก ๆ เท่านั้น แต่พอเป็นแฟนกันขึ้นมาเมื่อไหร่ก็มักจะเปลี่ยนไปทันที จากที่เคยเอาอกเอาใจเธอไปซะทุกอย่าง ก็กลับละเลยขึ้นมาเสียอย่างนั้น ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าตัวเองไม่ได้ดูแลเธอเท่าที่ควร อาจทำให้เธอทิ้งคุณไปหาคนใหม่ที่ดีกว่าแล้วก็ได้ ดังนั้นคุณจึงควรรู้วิธีเทคแคร์แฟนเอาไว้ก่อน เพื่อรักษาความรักของคุณให้มั่นคงมากยิ่งขึ้นด้วยการทำตามวิธีเหล่านี้ดู

1. รับฟังเธอบ้าง

          ผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าการรับฟังนั้นเป็นเรื่องสำคัญแค่ไหน ทำให้มักละเลยที่จะรับฟังหรือถามถึงปัญหาของเธออยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่การรับฟังสามารถช่วยให้คุณเข้าใจเธอมากขึ้น และเป็นการแสดงออกที่ช่วยให้เธอรู้สึกว่าคุณใส่ใจเธอจริง ๆ ดังนั้นในเมื่อตอนนี้มีโอกาสได้ดูแลเธอ คุณก็ควรจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี เอาใจใส่เธอให้มาก ๆ  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ถึงมานั่งเสียใจทีหลังก็คงไม่สามารถช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้หรอกนะ


7 วิธีเป็นแฟนแสนดีแบบที่สาว ๆ ต้องการ

2. เธอสวยที่สุดเสมอ

          แน่นอนว่าผู้ชายทุกคนแม้จะสอดส่ายสายตาแอบมองคนสวยรอบข้างอยู่บ้าง แต่ถึงยังไงเราก็มองเห็นว่าแฟนของเราเป็นคนสวยที่สุดในสายตาเราอยู่ดีนั่น แหละ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเธอก็อาจไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้ก็ได้ คุณจึงควรทำให้เธอรู้ด้วยว่า ไม่ว่าจะมีสาวสวยคนไหนเข้ามา เธอก็ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจคุณเสมอ ด้วยการมองแต่เธอเพียงคนเดียว และพาเธอไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผย เธอจะได้รู้ว่าคุณภูมิใจที่มีผู้หญิงอย่างเธอเป็นแฟนยังไงล่ะ

3. รู้จักสนับสนุนในทางที่ดี

          ถ้าคุณรักเธอจริง คุณก็ไม่ควรโอ๋เธอมากเกินไปจนเคยตัว แต่ควรสนับสนุนให้มีเป้าหมายของตัวเอง และพยายามผลักดันเธอให้ไปถึงฝันจะดีกว่า เพื่อที่จะได้มีอนาคตที่มั่นคงและมีความสุขมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยให้เธอประทับใจในตัวคุณยิ่งขึ้นอีกด้วย จากการที่เธอรู้สึกว่าคุณเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิด และเธอสามารถฝากอนาคตเอาไว้ด้วยได้

4. ใส่ใจรายละเอียด

          การ ที่คุณใส่ใจแม้กระทั่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ทรงผมที่เปลี่ยนไปหรือรูปร่างที่เพรียวบางขึ้นจะช่วยให้สาว ๆ รู้สึกดีมากเลยล่ะ เพราะมันทำให้เห็นเลยว่าคุณคอยสังเกตเธออยู่ตลอดจริง ๆ อย่างไรก็ดี เวลาจะทักก็ใช้คำพูดคำที่เหมาะสมด้วยล่ะ เพราะถ้าเกิดคุณพูดจาไม่เข้าหู เช่น บอกว่าทรงผมที่เธอทำมาดูแย่ล่ะก็ จากที่เธอจะปลื้มอาจกลายเป็นเคืองกันได้ง่าย ๆ เลยนะ


7 วิธีเป็นแฟนแสนดีแบบที่สาว ๆ ต้องการ

5. เซอร์ไพรส์ถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้

          ความสัมพันธ์ที่ซ้ำซากจำเจขาดความโรแมนติกจะทำให้คุณเบื่อหน่ายกันได้ในเวลา อันรวดเร็ว การทำเซอร์ไพรส์ให้เธอ เพื่อเติมสีสันให้คู่ของคุณบ้างจึงถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว ดังนั้นอย่าลืมทำเซอร์ไพรส์น่ารัก ๆ ให้เธอในวันพิเศษ เช่น วันเกิด หรือจะส่งข้อความหวาน ๆ ให้เพื่อให้เธอแปลกใจดูบ้างก็ได้ รับรองเลยว่าจะช่วยให้เธออารมณ์ดีไปตลอดทั้งวันแน่นอน

6. มีความเป็นสุภาพบุรุษ

          เสน่ห์ที่ช่วยมัดใจสาว ๆ ไม่ให้หันไปมองใครที่ไหนยิ่งกว่าหน้าตาหล่อ ๆ หรือคารมดี ๆ ของผู้ชาย ก็คือความเป็นสุภาพบุรุษนี่แหละ เพราะผู้หญิงทุกคนชอบผู้ายที่รู้จักดูแลเอาใจใส่และให้เกียรติเธอเป็นอย่าง ดีทั้งนั้น นอกจากนี้ การทำดีกับคนรอบข้างด้วยการช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังช่วยให้คุณดูมีเสน่ห์ขึ้นได้ง่าย ๆ อีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมทำตัวแมน ๆ ให้สาว ๆ ประทับใจด้วยการดูแลเทคแคร์เธอและคนรอบข้างอย่างดีด้วยนะครับ

7 วิธีเป็นแฟนแสนดีแบบที่สาว ๆ ต้องการ

7. อย่าทำเหมือนเธอเป็นของตาย

          ไม่มีใครอยากจะอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่าของเราหรอก เพราะทนอยู่ไปก็มีแต่จะทำให้รู้สึกเกลียดตัวเองจนไม่มีความสุขเสียเปล่า ๆ ดังนั้นอย่าทำให้เธอต้องรู้สึกแบบนั้นจนเป็นฝ่ายทิ้งคุณไปเด็ดขาด คุณควรดูแลเธอให้ดีและให้อิสระด้วยในเวลาเดียวกัน โดยเธอมีสิทธิ์จะขอเลื่อนนัดเพื่อไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างเหมือนกับคุณ ไม่ใช่ว่าเธอต้องเป็นฝ่ายรอทำตามความสะดวกของคุณเพียงฝ่ายเดียว ผู้หญิงเขาก็มีหัวจิตหัวใจนะ

          สุดท้ายแล้ว อย่าลืมว่า "ความเสมอต้นเสมอปลาย" เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นหากคุณดูแลเธอได้แบบที่เราบอก โดยไม่ปล่อยให้เวลามาทำให้คุณเปลี่ยนแปลงไป รับรองเลยว่าแฟนคุณไม่มีทางนอกใจไปมองใครที่ไหนแน่นอน

Sunday, September 16, 2012

4 วิธีดูแลรักษาชีวิตรัก ให้ยาวนาน

ความรัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          มีคนเคยบอกว่า "กว่าที่คน 2 คน จะรักกันได้เป็นสิ่งที่ยากพออยู่แล้ว แต่การถนอมความรักที่มียืนยาวนั้น...ยากยิ่งกว่า" อาจเพราะความรักมีรายละเอียดปลีกย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ ซุกซ่อนอยู่มากมาย ซึ่งต่างคนต่างก็ต้องดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน และหากคุณอยากให้ชีวิตรักอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุขอยู่เสมอ ก็ไม่ควรขาดเรื่องสำคัญ ต่อไปนี้…
          1. การเอาใจใส่ : อันดับ แรกที่จะทำให้ชีวิตคู่ยืนยาวได้นั้น คือ การทะนุถนอมและดูแลเอาอกเอาใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเรื่องอะไรก็ตามแต่ เพียงแค่แสดงความเป็นห่วงเป็นใย คอยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ เพียงแค่นี้ก็ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่แล้ว ซึ่งหากคู่รักไม่ทะนุถนอมกันและกัน ความหวานอาจแปรเปลี่ยนเป็นความขมระทมใจก็ได้

          2. การไว้ใจกันซึ่งกันและกัน : อย่าลืมการให้เกียรติ รวมถึงไม่ก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวเกินความจำเป็น เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ชีวิตคู่ยืนยาว เนื่องจากการนึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ จะช่วยทำความคุณแคร์กันและกันมากขึ้น อีกทั้งไม่ว่าจะทำอะไร ก่อนทำควรคิดก่อนเสมอว่าทำแล้วจะมีผลดีผลเสียกับใครหรือเปล่า เพราะวิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณทำอะไรที่จะทำร้ายความรู้สึกของคนรักได้

          3. การให้โอกาสและให้อภัย : ถ้าอีกฝ่ายทำอะไรผิดควรให้โอกาสในการแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น แต่ถ้าผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่องเดิม ๆ ก็ไม่ควรให้โอกาสเขาจนทำให้เราเจ็บปวดซะเอง เพราะความรักจะงดงาม หากคุณรักตัวเองก่อนที่จะไปรักคนอื่น

          4. อย่าคาดหวังกับความรัก : ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก จึงเอาแน่เอานอนไม่ได้ อย่าคาดหวังว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เพราะหากผิดหวังจะเสียใจเปล่า ๆ ทางที่ดีควรปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า และอย่าเขินที่จะบอกรัก เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าคุณจะบอกคำว่า "รัก" ให้กับคนที่คุณรู้สึกดีด้วย รวมถึงอย่าอายที่จะขอโทษ เพราะการขอโทษไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอะไร

          และนี่คือ 4 วิธีบำรุงชีวิตรักให้ยาวนาน ที่เราหยิบมาฝากกันค่ะ คู่รักคู่ไหนที่เริ่มรู้สึกว่าตกอยู่ในห้วงอารมณ์สีเทา ก็ลองนำไปใช้กันดูนะคะ

Monday, September 10, 2012

เวลา... คือของขวัญที่ดีที่สุด

ขนาดของความรักเมื่อเวลาผ่านไป


เวลา... คือของขวัญที่ดีที่สุด (อักขระบันเทิง)
เขียนโดย :
หนุ่ม ทัศนัย

          "เราทุกคนรู้ดีว่า...เวลามีค่ามาก ของขวัญวันเกิดที่มีค่ามากที่สุด จึงไม่ใช่สิ่งของราคาแพง แต่มันคือเวลา...ที่ถูกใช้ร่วมกัน"

          ก่อนที่วันเกิดของแฟนจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน เชื่อว่าใครหลายคนก็คงเก็บข้อมูลแบบลับ ๆ โดยไม่ให้แฟนรู้ตัว เพื่อสืบว่าเขากำลังอยากได้อะไรเป็นพิเศษ จะได้เซอร์ไพรส์ให้เขาดีใจ บางคนอาจยิงคำถามตรง ๆ ว่าวันเกิดปีนี้อยากได้อะไร จะได้มอบให้แบบไม่ต้องลุ้นว่าถูกใจหรือเปล่า

          เรื่องนี้ก็คงแล้วแต่วิธีการของแต่ละคนนะ แต่สำหรับคนที่สืบแล้วก็ยังไม่รู้ว่าแฟนตัวเองอยากได้อะไรเป็นของขวัญ หรือถามตรง ๆ ก็ได้รับคำตอบว่า "ไม่อยากได้อะไรหรอก" ก็ไม่ต้องเก็บมาคิดต่อให้ปวดหัวหรอกว่า ให้ของขวัญอะไรแฟนเราถึงจะถูกใจ อยากซื้ออะไร อยากทำสิ่งใดให้ก็ลงมือเลย การให้ของขวัญแฟนในวันเกิดด้วยความตั้งใจ จะเป็นสิ่งของมันก็น่ารักเสมอนั่นแหละ
          หรือถ้าหากของขวัญนั้นจะไม่ใช่สิ่งของ...ก็ไม่ผิด เพราะนิยามคำว่า "ของขวัญ" ไม่ได้หมายถึงสิ่งของเท่านั้น มันคืออะไรก็ได้ที่ทำให้คนรับ "มีความสุข" ซึ่งความสุขของคนรักกัน ไม่มีอะไรดีไปกว่า "ช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกัน"

          ต่อให้เราไม่มีของขวัญเป็นชิ้น หรือดอกไม้เป็นช่อ แต่การกินข้าวด้วยกันสักมื้อ ที่ร้านบรรยากาศดี ๆ พาไปเดินเที่ยว ซื้อของ หรือนั่งเล่นด้วยกันที่ไหนสักแห่ง ออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันให้รักมีสีสัน ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า นี่แหละคือของขวัญที่ "มอบความสุข" ให้กันได้มากที่สุด

          วันเกิดทั้งที... ใคร ๆ ก็อยากใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารัก หากไม่นับครอบครัวหรือเพื่อนสนิท ก็มีแฟนนี่แหละที่เราอยากใช้เวลาอยู่ด้วย ลองจินตนาการดูสิว่ามันเศร้าแค่ไหน หากแฟนของเราให้ของขวัญที่กำลังอยากได้ แต่ไม่ได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกันเลยสักวินาทีเดียว

          ของขวัญที่เป็นสิ่งของ ไม่ว่าจะถูกหรือแพงเราก็ทำมันหายหรือพังได้หากไม่ระวัง แต่สำหรับช่วงเวลาดี ๆ ที่คนสองคนใช้ร่วมกันมันจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำ และอยู่ในใจเราไปตลอดชีวิต

Wednesday, September 5, 2012

ห่างหนึ่งก้าว...รักเราเท่าเดิม

love

ห่างหนึ่งก้าว...รักเราเท่าเดิม (อักขระบันเทิง)

เขียนโดย : พึงเนตร อติแพทย์

          ใน ความเป็นไปของชีวิต คนหลายคนยอมที่จะอยู่เป็นโสด เพียงเพื่อจะได้ใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงในกรอบของตัวเองอย่างที่ไม่มีใครมาทัด ทานได้ เขาเหล่านั้นมักคิดว่าเมื่อความรักเริ่มต้น ชีวิตผจญภัยก็พังทลายลง เมื่อรับใครอีกคนเข้ามาในชีวิต โลกส่วนตัวของพวกเขาจะล่มสลาย

          ความรักกลืนกินโลกใบเดิมของเราไปจริงหรือเปล่า?
          ความใกล้ชิดจะทำให้เราสูญเสียจุดยืนที่แท้จริงอย่างนั้นใช่ไหม?
          แต่เราไม่คิดอย่างนั้น...

          คนเราทุกคนมีโลกกลม ๆ คนละใบ กว้างบ้าง เล็กบ้าง ตามความพอใจ ในโลกกลม ๆ ใบนั้น เราต่างบรรจุวิถีชีวิต ความรัก ความชอบ ความเป็นตัวเองไว้อย่างเต็มเปี่ยม และเมื่อความรักปรากฏตัว โลกกลม ๆ ของอีกคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่ใช่ว่าเราจะต้องกระโดดออกจากโลกของเราไปอยู่ในโลกของเขาเสียเมื่อไหร่ แล้วก็ไม่มีความจำเป็นใดที่เขาจะต้องกระโดดออกมาจากโลกของเขา มาอยู่ในโลกของเราด้วย

          วิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้คนสองคนมีโลกใบเดียวกัน โดยไม่ละทิ้งโลกส่วนตัวใบเดิม ก็คือ "การยูเนี่ยน" (Union) โลก สองใบเข้าไว้ด้วยกัน มันเป็นวิธีง่าย ๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่เราเคยเรียนรู้กัน เมื่อวงกลมสองวงคล้องเกี่ยวกันไว้ ส่วนที่อยู่ในเนื้อที่ของกันและกันนั้น เราเรียกว่า "อินเตอร์เซคชั่น" (Intersection) ซึ่งข้อดีของมันก็คือ ช่วยให้วงกลมสองวงที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อน ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ได้แชร์ชีวิตร่วมกัน และมีโลกใบเดียวกัน
          ใน ขณะที่ส่วนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ถูกอินเตอร์เซคนั้น ก็ยังมีชีวิตของมันต่อไป และมันก็ยังเป็นโลกใบเดิมที่บรรจุความเป็นตัวของตัวเองไว้อย่างครบถ้วน

          เหมือนความรัก...โลกที่คนสองคนเกี่ยวคล้องกันไว้ นั่นแหละคือโลกที่ความรักสร้างขึ้น คือ โลกที่คนสองคนจะโอบกอดกันได้ทุกเวลา และแชร์ทุกอย่างร่วมกัน ตั้งแต่กินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน ฟังเพลงด้วยกัน ห่มผ้าผืนเดียวกัน มันเป็นโลกที่แสนอบอุ่นสำหรับคนเหงา แต่ถ้ารู้สึกว่าอยากกลับไปเยี่ยมเยือยโลกใบเดิมของตัวเองสักหน่อย ก็แค่กระโดดออกจากส่วนที่เป็นอินเตอร์เซคชั่นไว้ ห่างออกมาสักหนึ่งก้าว...วิถีชีวิตอิสระของนักผจญภัยก็จะเดินหน้า ในขณะที่โลกสองใบก็ไม่ได้แยกจากกันไปไหน เพราะมันเกี่ยวคล้องกันไว้อย่างแน่นหนา

          เพราะ ฉะนั้น ฉันจึงเชื่อว่าความรักกลืนกินโลกของใครไม่ได้หรอก นอกเสียจากว่าคนสองคนสองจะเต็มใจที่จะเคลื่อนวงกลมเข้าใกล้กันเอง จนซ้อนทับกันมากขึ้น ๆ และกลายเป็นวงกลมเดียวกันในที่สุด แล้วมันก็ทำให้ฉันนึกถึงวงกลมของปู่กับย่า ตากับยาย และก็พ่อกับแม่ของฉัน ที่ใช้ชีวิตในวงกลมเดียวกันอย่างที่ไม่เคยรู้สึกว่าความรักจะลดน้อยลงไปได้ เลย

ใช้เงินอย่างไรให้ชีวิตรักยืนยาว

ความรัก

ใช้เงินอย่างไรให้ชีวิตรักยืนยาว
(Bride Magazine)
เรื่อง : Red Wine

         เมื่อคนสองคนได้แต่งงานและกล่าวคำปฏิญาณซึ่งกันและกันแล้ว นาฬิกาแห่งการใช้ชีวิตคู่ก็ได้เริ่มเดินนับตั้งแต่นั้น การที่คนสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต่อไป เรารู้กันอยู่แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ความซื่อสัตย์และความจริงใจต่อกันนั้นอาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่การที่จะให้ครอบครัว "อยู่รอด" และ "มั่นคง" ได้ อาจมีมากกว่าเรื่องของหัวใจที่ต้องดูแล

         การ วางแผนการเงินของคู่รักเป็นเรื่องที่คู่แต่งงานต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะกับครอบครัวที่เป็นคนทำงาน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติเป็นมรดกตกทอดมหาศาล คู่สมรสต้องรู้ว่าการใช้ชีวิตแบบเดิมอย่างการใช้เงินให้หมดไปเป็นเดือน ซื้อของตามใจชอบจนไม่เหลือเงินเก็บนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ยิ่งหากวางแผนว่าจะมีลูกน้อยเมื่อไหร่แล้วด้วยนั้น ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าคิดว่าคุณควรต้องมีอะไรบ้างก่อนที่เจ้าน้อยจะลืมตามาดู โลก ควรต้องมีบ้านหรือไม่? ควรต้องมีรถหรือเปล่า? หรือรอสร้างกิจการส่วนตัวก่อนค่อยมีลูก ทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องที่คู่รักต้องมานั่งจับเข่าคุยกันให้เป็นเรื่องเป็น ราว และไม่ว่าคุณจะวางแผนชีวิตครอบครัวของคุณไว้อย่างไรทุกอย่างล้วนต้องใช้ "เงิน" ในการที่จะให้มันเกิดผลเป็นรูปธรรมทั้งนั้น การขาดแคลนปัจจัยที่สำคัญยิ่งนี้ล้วนเป็นบ่อเกิดของปัญหาและความตึงเครียด ภายในและทำให้หลายครอบครัวต้องล้มเหลวมาแล้วมากมาย

          การออมเงิน ทั้งสองคนควรวางแผนการออมเงินของตัวเองก่อนเป็นลำดับแรก โดยคำนวณรายได้ของตัวเองในแต่ละเดือนกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายในทุก ๆ เดือน ว่าตัวเองมีความสามารถที่จะเก็บเงินได้มากน้อยขนาดไหน ที่สำคัญคือต้องทำให้ได้ในทุก ๆ เดือน อย่างน้อยควรเก็บให้ได้ 15%-20% ของรายได้ พยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หรือถ้าให้ดีก็ควรทำการฝากเงินแบบฝากประจำกับธนาคารที่มั่นคงเชื่อถือได้ เพื่อเป็นการควบคุมวินัยในการเงินของตัวเอง และได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย

          การใช้เงินสด แม้จะต้องออมเงิน แต่ทุกคนก็ต้องมีเงินสดในการจับจ่ายใช้สอย ไม่ใช่เก็บจนไม่มีใช้ ต้องไปใช้เงินสดของคู่รักอยู่บ่อย ๆ ในทางกลับกันก็อย่าตระหนี่ถี่เหนียวจนเกินไป เพราะคุณอาจสร้างความเบื่อหน่ายให้กับคู่ของคุณได้ โดยเฉพาะหากต้องมีของใช้จำเป็นที่ต้องซื้อเงินสดด้วยกัน เช่น อาหาร เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ใช้สอยภายในบ้าน ฯลฯ ให้พิจารณาว่าควรซื้อหรือไม่ควร คุณมีส่วนช่วยออกเงินได้กี่เปอร์เซ็นต์ อย่าหวังพึ่งการใช้บัตรเครดิตให้มากจนเกินไป เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ไม่ควรสร้างหนี้สินในอนาคตกับเรื่องที่ไม่จำเป็น การมีเงินสดที่เพียงพอมีส่วนในการสร้างความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในสัมพันธภาพ แม้แต่งงานกันแล้วคุณก็ควรมีเงินพอที่จะไปดินเนอร์ ดูหนัง ท่องเที่ยวในวันหยุดให้เหมือนกับชีวิตก่อนแต่งงาน หรือแม้แต่ในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ ก็ควรมีเงินสำรองไว้เช่นกัน

          การกู้เงิน ในหัวข้อที่แล้วเราเพิ่งพูดถึงเรื่องที่คู่รักไม่ควรสร้างหนี้สิน แต่ในความเป็นจริงคู่รักที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวอาจจำเป็นที่ต้องกู้ยืม เงิน เพื่อสร้างภาพฝันให้สำเร็จ เช่น ซื้อบ้านหลังแรก ซื้อรถครอบครัว ลงทุนเพื่อสร้างกิจการ หรือแม้แต่เรื่องการศึกษาของลูก ดังนั้นการกู้เงินควรพิจารณาว่าพอดีกับรายได้ของทั้งคู่หรือไม่ และควรกู้เงินกับสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้เท่านั้น อย่ากู้เงินนอกระบบโดยเด็ดขาด เพราะการทวงหนี้ของแหล่งเงินกู้เหล่านั้น อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตครอบครัวของคุณได้ สรุปแล้วก็คือ หากต้องกู้ยืมเงินก็ควรเป็นเรื่องที่จำเป็นจริง ๆ และมีผลดีต่อครอบครัวในอนาคต

          การแบ่งหน้าที่ทางการเงิน การแบ่งหน้าที่ในการใช้จ่ายเงินระหว่างคนสองคนมีรูปแบบหลากหลาย และขึ้นอยู่กับการตกลงกันภายใน แต่การแบ่งหน้าที่อย่างไม่ถูกต้องก็อาจทำให้เกิดปัญหาชีวิตคู่ตามมา ทั้งนี้การแบ่งหน้าที่ขึ้นอยู่กับการมีรายได้ของแต่ละครอบครัวด้วย เช่น ผู้ชายทำงาน ผู้หญิงลาออกจากงานเป็นแม่บ้านเพื่อเลี้ยงลูก หรือทั้งผู้หญิงและผู้ชายทำงานประจำด้วยกันทั้งคู่ การแบ่งหน้าที่ก็จะแตกต่างกันออกไป บางครอบครัวใช้การรวมรายได้ของทั้งคู่ไว้ที่กองกลางโดยมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นผู้ดูแล แม้จะเป็นการขจัดปัญหาการใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่วิธีการนี้โดยส่วนใหญ่จะก่อให้เกิดความตึงเครียดในภายหลัง ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งในที่สุด ทางที่ดีทั้งคู่ควรรู้หน้าที่ของตัวเอง แบ่งกันว่าใครใช้จ่ายเรื่องอะไรภายในบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ฯลฯ และออมเงินของตัวเองไว้อย่างมีวินัย ส่วนคนที่ไม่มีรายได้ก็ต้องจัดสรรเงินที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างคุ้มค่าที่สุด

          การประกัน การประกันมี 2 อย่าง คือ การประกันชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้ จากข่าวสารที่เราได้รับจะเห็นได้ว่ามีเรื่องราวไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ เราควรดูแลชีวิต ทรัพย์สิน และหลักทรัพย์ของเราให้ดี ซึ่งการทำประกันชีวิตเป็นการช่วยลดความเสี่ยงและเสียหายในส่วนนี้ไปได้มาก ในปัจจุบันมีการประกันชีวิตหลายแบบ โดยเฉพาะแบบที่เหมือนเป็นการออมไปในตัว ซึ่งเรียกว่าการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ทั้งนี้ควรศึกษาเรื่องเงื่อนไขให้ดีก่อนตัดสินใจ อย่าให้การเสียค่าประกันในแต่ละเดือนกระทบกับรายได้ของครอบครัวให้มากนัก เพราะกว่าจะนำเงินออกมาใช้ได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร หากไม่มีรายได้มากพอหรือมีภาระอื่น ๆ อยู่มากก็ทำประกันชีวิตแบบธรรมดาไปก่อน ส่วนการประกันทรัพย์สินให้ทำไว้เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินใหญ่ ๆ ทั้งที่เป็นของตัวเองแล้ว และที่กำลังผ่อนจ่ายอยู่ โดยเฉพาะบ้านและรถ

         เมื่อ คุณทั้งคู่ดูแลเรื่องของการเงินได้ดี ก็ควรจะทำให้รากฐานของครอบครัวมั่นคง แต่ถึงอย่างไรก็อย่าลืมดูแลหัวใจซึ่งกันและกัน เติมเต็มความหวานความใส่ใจให้เหมือนตอนที่ยังรักกันใหม่ ๆ ด้วยนะคะ