Saturday, February 25, 2012

ผู้ชายไม่ชอบเมื่อผู้หญิงทำอย่างนี้

เรื่องนี้ไม่ใช้เรื่องไร้สาระ  คุณเคยสังเกตหรือเปล่าว่าพฤติกรรมอะไรที่ทำให้ผู้ชายของคุณลำคาญ  จนทำให้เขาเบื่อคุณได้ง่ายๆ  เรามีบอกกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ผู้ชายไม่ชอบ  ก่อนทีผู้ชายของคุณจะหนีหาไปจากคุณ
……21.บ้าดูดวงถึง จะรู้ว่างมงายก็เถอะ แต่เธอก็ดูได้ทุกหมอ ทุกรูปแบบ ดูครั้งเดียวไม่พอ ยังขอเบิ้ลตลอด ๆ เขาว่าหมอดูที่ไหนเแม้น  จะเดินทางลำบากก็จะต้องไปให้ได้
……2 2.ติด ละครเหลือเกิน…ละครโปรดมาเมื่อไหร่ นั่งติดทีวี ไม่ไปไหนเลย หรือถ้าอยู่นอกบ้านก็ต้องรีบกลับมาอย่างเร่งด่วน ทั้งที่อ่านเรื่องย่อจากหนังสือพิมพ์ไปก่อนแล้ว   แม้แต่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ  ถ้าไม่โฆษณาก็ไม่ไปเข้า 
……2 3.เมาธ์แตก…เจอเพื่อนทีไรเป็นอันจ้อไม่หยุดจนลืมโลกทุกทีซิน่า และไม่พลาดเรื่องนินทาอีกด้วย
โดยเฉพาะนินทาแฟนหรือสามีล่ะก็ ชอบนักเชียวแหละ   นินทาจนลืมไปว่ามาเที่ยวกับแฟน
……2 4.เจออาหารจานโปรดทีไร ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน ไม่รู้กริยาหญิงหายไปไหน…ไดอ่งไดเอท ไม่สนแล้ว   ก็ให้ได้กินเป็นพอ   อร่อยไม่อร่อยไม่รู้  กินเสร็จแล้ว  ชอบบ่นว่ากลัวอ้วนบาง  กลัวน้ำหนักขึ้นบ้าง  แล้วตอนกินทำไหมไม่คิด
……2 5.ปากก็บอกว่ารักคุณคนเดียว แต่ก็ชอบแอบปิ๊งคนอื่นอยู่เรื่อยๆ แถมยังแก้ตัวอีกว่าเป็นการเช็กเรตติ้งแค่นั้นเอง  
……2 6.แกล้งทำตัวเป็นสาวบอบบาง…อยากให้คุณทะนุถนอม แต่ตอนเธออารมณ์บ่จอย ทำไมแรงเยอะชะมัด
……2 7.เห็นของลดราคาเป็นไม่ได้…เหมือนมีแม่เหล็กมาดึงดูด อยู่ไกลถึงฮ่องกง ยังดูดเงินจากกระเป๋าเธอได้ จริงไหมล่ะครับ
…..2.8.ขี้หึงได้ทุกสถานการณ์ และทุกสถานที่ด้วย  แม้แต่เรื่องเล็กๆที่ทำงานก็ไม่เว้น
……2 9.ชอบเรียกร้องความสนใจ  ด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดดังเกินเหตุ โดยไม่จำเป็น  และชอบทำตัวเด่นไม่ถูกที่ถูกทาง 
……2 10.กลัว น้ำหนักขึ้นจนหน้ามืด…เลย ไปสักขีดจะเป็นจะตายให้ได้ แต่มักมีข้อแก้ตัวเสมอ ถ้าเจอขนมถูกใจ เช่น เค้กผลไม้, เค้กลูกพรุน, หรือคุกกี้  จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ถูกใจเป็นณช้ได้แล้ว

Sunday, February 19, 2012

แฟนเก่า...บุคคลอันตรายของคนปัจจุบัน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          ขึ้น ชื่อว่า "แฟนเก่า" ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นหนามยอกอกสำหรับแฟนคนปัจจุบัน (จริงไหม) เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาหรือเธอคนในอดีต จะย้อนกลับมาขอคืนดี มาทำให้ชีวิตรักของคุณทั้งคู่หวั่นไหว ยุ่งเหยิง แถมภาพวันวานหวานชื่นในคืนเก่า ๆ ของคนทั้งสอง มักพุ่งเข้ามาทำร้ายจิตใจคุณอยู่เสมอ ๆ

          จึงไม่แปลกหากคุณจะหวาดระแวงแฟนเก่าของคนรักอยู่บ้าง แต่ก็อย่ามากซะจนทำให้เกิดอารมณ์อึมครึมในชีวิตรักล่ะ อย่าพยายามคิดแต่ว่าเขาหรือเธอจะกลับไปหาแฟนเก่า อย่าพยายามเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร อย่าสงสัยว่าเขาจะไม่รักคุณ และอย่ากลัวว่าเขาจะกลับไปคบกันเหมือนเดิม

          เพราะ "แฟนเก่า" คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เราไม่มีทางย้อนกลับไปทำอะไรให้ดีขึ้นได้ หรือย้อนไปแก้ไขให้เข้าไม่เคยรักกัน คบกันหรอกนะ และที่สำคัญคุณเองก็มี "แฟนเก่า" เฉกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ อาการหึงทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้น คือสิ่งที่คุณคิดไปเองก่อน หวาดระแวงไปต่าง ๆ นานาก่อน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับความรักของคุณเลย และอย่าลืมว่าคุณคงไม่มีสิทธิ์อะไรถึงขนาดที่จะไปห้ามไม่ให้เขามองหน้ากัน ติดต่อกันเลยหรอก (มั้ง)

          คนเคยรักกัน อย่างน้อยก็ต้องมีความผูกพัน มีเยื่อใยบาง ๆ ให้แก่กันและกันเป็นธรรมดา แต่ ณ วันนี้เขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ทางที่ดี...คิดซะว่าแฟนเก่าคือคนในอดีต ที่ไม่มีตัวตนในปัจจุบัน เพราะฉะนั้น เลิกไปคิดถึงเขาหรือเธอคนนั้นจะดีกว่า หันมาดูแลเอาใจใส่ คนที่อยู่เคียงข้างคุณให้มาก ๆ ในทุก ๆ วัน ก่อนที่เขาหรือเธอจะกลายเป็นแฟนเก่าที่คุณอาจต้องมานั่งเสียดายอีกก็ได้ และจงนึกไว้เสมอว่าวันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

Saturday, February 11, 2012

ทำไมต้องนอกใจ


ทำไมต้องนอกใจ

ทำไมต้องนอกใจ (รักลูก)


โดย: นพ. สุกมล วิภาวีพลกุล


          เมื่อเวลาผ่านไป ความเลวร้ายของผู้ชายก็ฉายแววออกมาไม่น้อย
           "เมียน้อย คือผู้หญิงที่ดีที่สุดของผู้ชาย ที่เพิ่งมาค้นพบในภายหลัง" เป็นคำกล่าวของเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่ง ซึ่งผมกำลังลุ้นอยู่ว่าในอนาคตเขาอาจเสียชีวิตจากเมียหลวง ผู้ที่เขาให้ความหมายว่า "ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยดีมาก่อน แต่กาลเวลาได้กัดกร่อนความดีงามของเธอจนหมดสิ้น" แต่เพื่อนผมมันก็ลืมตัวไปเหมือนกันว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความเลวร้ายของผู้ชายก็ฉายแววออกมาไม่น้อย

          ถ้าเจอกรณีคู่สมรสประเภท "หญิงก็ร้าย – ชายก็เลว" ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงจะเป็นฝ่ายจำยอม หรือยับยั้งชั่งใจได้มากกว่า ในขณะที่ฝ่ายชายมีมีทางออกได้เยอะ เรื่องสามีนอกใจภรรยาจึงพบบ่อยกว่าอีกฝ่าย ซึ่งถ้อยคำ "นอกใจ" จะถูกแทนที่ด้วยคำว่า "คบชู้" รุนแรงกว่าหลายเท่า

 หญิงกับชาย : คิดและรู้สึกไม่เหมือนกัน
          จิตใจของผู้ชายกับผู้หญิงนี่ไม่เหมือนกันจริง ๆ ครับ หนังสือที่พูดถึงจิตวิทยาความแตกต่างระหว่างชายหญิงชื่อดังสองเล่ม ได้แก่ Men are from Mars, women are from Venus โดยนักจิตวิทยาชื่อ John Grey กับอีกเล่มที่ตีพิมพ์เมื่อหลายปีก่อน (1999) ชื่อ Why men don’t listen & women can’t read maps โดยสองสามีภรรยา Allan & Barbara Pease ที่ต่างก็ยืนยันความแตกต่างนั้น ไม่ได้เป็นผลจากการเลี้ยงดู แต่เป็นเพราะมันถูกกำหนดมาแล้วในเลือดเนื้อและชีวิต

 หญิงกับชาย : อารมณ์ความรู้สึกไม่เหมือนกัน
          ยกตัวอย่างประสบการณ์ตรงให้ชัด ๆ จากการทำงานเป็นจิตแพทย์ผู้ให้การปรึกษาเรื่องชีวิตคู่ ผมพบว่า 80 % ของผู้ชายมักมีปัญหาข้อคำถามเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ และส่วนใหญ่ของผู้หญิงก็เป็นทุกข์เพราะความรัก

          ที่เป็นอย่างนี้ก็ เพราะ…ฮอร์โมนเพศหญิง (estrogen) เป็นฮอร์โมนแห่งความรัก ความเสน่หา ส่วนฮอร์โมนเพศชาย (testosterone) เป็นฮอร์โมนแห่งความต้องการทางเพศ และความก้าวร้าว

          ในขณะที่ผู้ชายมีฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) สูงกว่าผู้หญิงถึง 10 - 20 เท่า และศูนย์กระตุ้นทางเพศ (sex center) ในสมองส่วน hypothalamus ของผู้ชายก็มีขนาดใหญ่กว่าเพศตรงข้ามอีกด้วย ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผู้ชายถึง "บ้าเซ็กส์" มากกว่าผู้หญิง นี่พูดถึงคนส่วนใหญ่นะครับ ส่วนน้อยอาจมีบ้างที่กลับกัน

          ฮอร์โมนเพศหญิงมีสองชนิด คือ Estrogen และ progesterone ขึ้น ๆ ลง ๆ สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงเยื่อบุผนังมดลูกตามรอบเดือน แต่ เราเพิ่งเข้าใจกันมาเมื่อไม่กี่ปีนี้เองว่ามันส่งผลต่อจิตใจทำให้ผู้หญิงมี บทบาทเป็นแม่ บังเกิดความรู้สึกอยากเลี้ยงดูและให้อาหารแก่บุตร Progesterone เป็นฮอร์โมนแห่งความเป็นแม่

          นอกจากฮอร์โมนแห่งความรักแล้ว ธรรมชาติยัง "ซ้ำเติม" ผู้หญิงด้วย oxytocin เป็นฮอร์โมนแห่งความผูกพัน (emotional attachment) ซึ่งมีผลต่อร่างกาย ทำให้มดลูกบีบตัว จะหลั่งออกมา 3 กรณี

           1.ขณะคลอดลูก มดลูกบีบตัว และรู้สึกผูกพันกับเด็กที่คลอดออกมา 

           2.ขณะให้นมลูก น้ำนมที่ไหลรินกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน เกิดความผูกพันกับลูกน้อยในอ้อมแขน 

           3.ขณะมีเพศสัมพันธ์ มดลูกบีบตัว พร้อมความรู้สึกผูกพันกับชายหนุ่มในอ้อมขา!! 

          ผู้หญิงมี oxytocin เยอะ ในขณะที่ผู้ชายมีน้อย…รู้เหตุผลหรือยังครับว่าทำไมผู้หญิงรักเดียวใจเดียว แต่ผู้ชายจึงหลายใจ เพราะฉะนั้น ผู้ชายเองก็ขาด "ภูมิต้านทานการนอกใจ" เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว บางคนกำลังมีความคิดว่าน่าจะมีโรงงานสังเคราะห์ oxytocin ผลิตออกมาเป็นวิตามินบำรุงความรักความผูกพัน ให้สามีกินประจำเช้าและก่อนนอน เพิ่มพูนความต้านทานลดอาการอยากนอกใจคู่ชีวิต

          ทำไมหนอสามีจึงนอกใจ ผมเรียบเรียงดูว่ามีกรณีไหนบ้างในประสบการณ์จริงที่เคยเจอ นอกเหนือจากที่อ่านจากตำราซึ่งว่ากันตามทฤษฎี

 อดอยากปากแห้งในเรื่องเซ็กส์
          ลองดูตัวอย่างจดหมายจากสามีที่เขียนบรรยายความทุกข์ จากการที่ได้ภรรยาแสนดีรายนี้

          "ผมรู้จักกับแฟนโดยการสนับสนุนของผู้ใหญ่สองฝ่าย เธอเป็นผู้หญิงสวยน่ารัก มารยาทดี ผมจึงแต่งงานกับเธอโดยไม่เคยคิดว่าการเป็นกุลสตรีของเธอจะก่อปัญหา เธอเห็นว่าการร่วมเพศก็เพื่อมีลูกเท่านั้น ผมมีความต้องการสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แฟนก็ว่าผมหมกมุ่นเรื่องนี้มากไป เราประนีประนอมกันว่าจะร่วมรักกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เธอก็หาเรื่องบ่ายเบี่ยงตลอด ผมซื้อหนังสือเพศศึกษาให้เธอ เธอก็ไม่ยอมอ่าน นัดไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาเธอก็ว่าผมบ้า ที่เอาเรื่องส่วนตัวไปเล่าให้คนอื่นฟัง

          ผมขอไปเที่ยวหญิงบริการจะได้ไม่กวนเธอ เธอก็บอกว่ายอมไม่ได้ จับได้จะขอหย่า หลัง ๆ ถึงขนาดทะเลาะกัน เธอบอกว่าเธอเป็นแม่บ้านที่ดีทุกอย่าง ผมไม่รักเธอเพราะเรื่องเดียว เธอขอว่าไม่ร่วมรักได้ไหม แล้วเธอจะทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด ผมไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะผมมีความต้องการทางเพศ และไม่คิดว่าตัวเองหมกมุ่นหรือผิดปกติด้วย ผมทำให้เธอมีความสุขเรื่องนี้ได้ยาก เพราะเธอไม่ร่วมมือ เวลาทำก็เร่งผมให้เสร็จเร็ว ๆ เวลาอื่นผมกอดเธอจูบเธอ เธอจะอารมณ์เสียเพราะคิดว่าผมกำลังจะขอร่วมเพศ ผมอยากขอคำปรึกษาครับจากใครก็ได้ ผมไม่อยากหย่าภรรยาทั้ง ๆ ที่เธอดีแต่มีปัญหาเรื่องเซ็กส์เรื่องเดียว อย่าแนะนำให้ผมอดทนนะครับเพราะมันไม่แก้ปัญหา"

          นี่เป็นกรณีสุดโต่งที่ฝ่ายหญิงเป็น "โรครังเกียจการมีเพศสัมพันธ์" (Sexual Aversion Disorder) ซึ่งถือเป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง อันเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูหรือประสบการณ์ในวัยเด็ก ทำให้มีทัศนคติทางลบอย่างรุนแรงต่อเรื่องเพศ ผมว่ารายนี้ ถ้าภรรยาไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อบำบัดรักษาโรคที่ตัวเองเป็น ชีวิตคู่คงสิ้นสุดด้วยการแยกทางกัน หรือไม่แล้วก็ต้องมีมือที่สามเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด สามีต้องหาทางออกที่นอกบ้าน

          ผมได้รับการปรึกษาจากผู้หญิงไม่น้อยที่สามีปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ จนทำให้ฝ่ายหญิงแปลกใจและอึดอัด เหมือนชีวิตคู่ขาดอะไรบางอย่าง แต่ที่คิดถึงกับจะนอกใจนอกกายคู่สมรส กลับมีไม่มากเมื่อเทียบกับกรณีเดียวกันที่เกิดกับฝ่ายชาย...

          ก็บอกแล้วว่า ฮอร์โมนเพศชายเป็นฮอร์โมนแห่งเซ็กส์ ผู้หญิงส่วนใหญ่ทนเรื่องขาดเซ็กส์ได้ดีกว่าผู้ชาย

          ขอมีของหวานเสริมสักหน่อย…น่าจะเป็นประเด็นที่พบบ่อยที่สุด อย่างที่เคยพูดเคยเขียนอยู่หลายครั้งว่าแนวคิดของเพศชาย คือ "เซ็กส์ในบ้าน อิ่มแต่ไม่อร่อย - เซ็กส์นอกบ้าน อร่อยแต่ไม่อิ่ม" ภรรยาไม่มีความบกพร่องใด ๆ การปรนนิบัติไม่เคยขาด การสนองเรื่องเพศไม่มีที่ติ ไม่เคยอดอยากปากแห้ง แต่ผู้ชายก็ยังรู้สึกไม่พอ ต้องขออาหารเสริมจากภายนอก

          การแก้ไขป้องกันต้องเป็นการสื่อสารทางบวกด้วยภาษาคำพูดและภาษากายที่จะพัฒนา หรือ Upgrade ความรักจากเสน่หาเมื่อเริ่มต้นชีวิตคู่ มาเป็นเมตตาต่อกัน ทำสติ๊กเกอร์แปะไว้ในห้องน้ำ "สามีมีเมตตา - ภรรยาไม่ช้ำใจ"
          ความเมตตาเป็นวัคซีนที่สำคัญ ป้องกันการนอกใจ ช่วยให้สามียับยั้งชั่งใจต่อกิจกรรม "เกมซ่อนเนื้อ" กับ หญิงอื่น…ภรรยาต้องยืนยันหนักแน่นเสมอว่า การนอกใจเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และหากมีสิ่งใดที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ ต้องช่วยกันสร้างสรรค์ "เปลี่ยนที่ก็ยังพอทน แต่ถ้าเปลี่ยนคนก็พอกันที"

          บรรยากาศในบ้านต้องอบอุ่นและเป็นสุข ภรรยาต้องเป็นคนที่สามีอยู่ใกล้แล้วจิตใจเป็นสุข เพราะธรรมชาติของมนุษย์ก็คือ ที่ใดไปแล้วมีสุข เราก็อยากไปอีก คนไหนที่อยู่ใกล้แล้วมีสุข เราก็อยากเจอคนนั้นบ่อย ๆ และคน ๆ นั้นควรต้องเป็นภรรยาที่บ้าน ไม่ใช่บรรดาน้อง ๆ ตองสาม เหล่านางงามในตู้กระจก ใครจะเหนือชั้นกว่าใคร ให้มันรู้ไป

  สามีสันดานเจ้าชู้

          ปัจจุบันเราไม่ค่อยแน่ใจว่า "ความเจ้าชู้" ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้หรือไม่ และนิสัยเจ้าชู้เป็นสิ่งที่ติดตัวอยู่ในสมองหรือโครโมโซมหรือเปล่า เพราะความเจ้าชู้ของผู้ชายหลายคนตั้งแต่วัยหนุ่มมันหยั่งรากฝังลึกในจิต วิญญาณจนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แม้วัยมากขึ้น และแม้ว่าจะรักภรรยาปานจะกลืนกิน เมตตาแค่ไหน สามีก็มิอาจควบคุมใจในเรื่องนี้ ต้องหากินนอกบ้านร่ำไป เพราะปัญหาสำคัญคือ วุฒิภาวะของสามี คือความสามารถในการควบคุมแรงขับในใจ และแสดงออกอย่างเหมาะสม

          พูดอีกอย่าง วุติภาวะคือความสามารถที่สมองส่วนคิดทำงานเหนือสมองส่วนอยาก เพราะฉะนั้น ถ้าสามีของเราเป็นคนที่สมองส่วนอยากทำงานมากกว่าสมองส่วนคิด ไม่แยแสต่อความรู้สึกของภรรยา ทางออกสองอย่าง คือ ถ้าไม่อยากเปลี่ยนผัวใหม่ ก็ต้องทำใจยอมรับ อยู่กับสิ่งที่เขาเป็น อย่างไม่เป็นทุกข์มากนัก "สุขหรือทุกข์ในใจเรา อย่าให้คนอื่นเขามากำหนด" หากเป็นเจ้าของตัวเขาคนเดียวไม่ได้ เราก็ต้องเป็นเจ้าของชีวิตและจิตใจตัวเราเอง

Friday, February 10, 2012

6 ไกด์ไลน์ เพื่อบำรุงรักษาความรัก

6 ไกด์ไลน์ เพื่อบำรุงรักษาความรัก
 
          ใครที่กำลังเครียดกับเรื่องความรัก หรือรู้สึกว่ารักที่มีอยู่เริ่มจะเฉา เจอปัญหาบ่อย หรือบางทีก็อยากอยู่คนเดียวทั้ง ๆ ที่ก็ยังรักกันดีอยู่ ค่อยมองหาทางแก้ปัญหา รีแลกซ์ ผ่อนคลาย และเติมความหวานให้กับความรักดูบ้าง แล้วความรักก็จะกลับมาหวานได้อย่างที่เคยเป็น ลองดูไกด์ไลน์เพื่อบำรุงรักษาความรักที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ดีกว่าค่ะ

 1. จัดตารางชีวิต ให้มีเวลาได้อยู่ด้วยกัน

          เมื่อเริ่มอยู่ด้วยกันนาน ๆ หลาย ๆ คู่ก็เริ่มจะใส่ใจกันน้อยลง อาจเป็นเพราะคิดว่ายังไงก็คบกันแล้วก็คงไม่มีแคล้วกันอีก รักกันแล้วเจอกันเมื่อไหร่ก็ได้ แบบนี้ทำให้รักจืดจางกันได้ง่าย ๆ ลองตั้งใจจัดตารางเวลาของคุณทั้งคู่ให้มีเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ จัง ๆ ไม่ใช่แบบปล่อยเลยตามเลย ประเภทว่างก็มาเจอ ไม่ว่างก็ไม่มาหา อย่างน้อยอาจเป็นเพียงสัปดาห์ละครั้ง (หรือหลาย ๆ ครั้ง ตราบที่เวลาและโอกาสอำนวย) ที่จัดตารางไว้ว่าเป็นเวลาที่คุณทั้งคู่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน และเคล็ดลับที่จะทำให้คุณไม่รู้สึกอึดอัดเกินไปที่ต้องจัดตารางเวลาความรัก เช่นนี้ คือเว้นที่ให้แต่ละคนได้มีเวลาส่วนตัวของตัวเองอย่างพอเพียงด้วย แบบนี้ตัวเองก็แฮปปี้ รักก็แฮปปี้

 2. หากิจกรรมที่คุณทั้งคู่ต่างรู้สึกมีความสุขที่จะได้ทำด้วยกัน
          ในยุคแห่งการทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังในปัจจุบัน ทำให้แต่ละคู่มีเวลาน้อยลงเหลือเกินที่จะได้มานั่งจ้องตากันซึ้ง ๆ คงจะดีหากมีกิจกรรมที่คุณทั้งสองต่างชื่นชอบมาเป็นข้ออ้างให้ได้อยู่ด้วยกัน อาจเป็นการทำอาหารกินกันที่บ้าน ทำของตกแต่งบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยกัน ชวนกันดวลเล่นเกมคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการใช้เวลาจู๋จี๋กันบนเตียงด้วย กิจกรรมเรียกความหวานไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่จริงจังเสมอไปหรอก ;)

 3. ลืมเรื่องการเงินไปสักพัก
          ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่อง "เงิน" เป็นเรื่องใหญ่ที่เราจะไม่คิดถึงไม่ได้ แต่หากเอาแต่คิดถึงมันมากเกินไปก็ทำให้เกิดความเครียด และความเครียดนั้นก็กลับมาทำร้ายความรักได้เช่นกัน หลาย ๆ คู่คิดแต่เรื่องสร้างเนื้อสร้างตัว เก็บเงินสร้างฐานะเพื่ออนาคตมากเกินไป จนลืมบำรุงดูแลความรักที่มีอยู่ ณ เวลาปัจจุบัน สุดท้ายกว่าจะก้าวไปสู่ฐานะที่มั่นคง ก็ไม่เหลือคนข้างกายให้อยู่ชื่นชมด้วยกันแล้ว คิดถึงเงินให้พอดี ๆ ควบคู่กับคิดเรื่องความรักไปด้วยกันดีกว่าค่ะ

 4. ไม่หลอกตัวเองว่าความรักยังดีอยู่ ด้วยการกลบเกลื่อนปัญหา
          คู่รักไม่น้อยที่สร้างความรู้สึกว่า "เรายังรักกันดีอยู่" ด้วยการพยายามทำเป็นลืมปัญหาที่เคยเกิดขึ้น ยามทะเลาะกันแล้วหาข้อยุติไม่ได้ หลาย ๆ คนบอกว่าแค่ต่างคนต่างลืมมันไปปัญหานี้ก็จบ แต่ความจริงแล้วต่างก็รู้ดีว่า ลึก ๆ แล้วยังคงติดใจกับเรื่องที่ปล่อยให้ผ่านพ้นไปไม่น้อย และเรื่องที่ทำเป็นลืมไปเหล่านี้พร้อมที่จะปะทุขึ้นมาได้อีกเมื่อถึงจุดที่ ทนไม่ไหว คราวนี้อาจนำไปสู่การผิดใจ และถึงขั้นแตกหักได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นหากอยากให้ความรักอยู่ยาวนาน อย่าหนีปัญหาหรือทำราวกับว่าปัญหาเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง แต่ให้เผชิญหน้ากับมันดีกว่า

 5.พักผ่อนอย่างเพียงพอ
          อาจฟังดูแปลก ๆ ว่าเรื่องการนอนหลับพักผ่อนนี้มาเกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาความรักได้อย่าง ไร คำตอบของเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับเรื่องสุขภาพจิตของเรานั่นเอง ร่างกายที่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะทำให้สมองปลอดโปร่ง จิตใจแจ่มใส อันส่งผลถึงเรื่องความคิดและพฤติกรรมที่จะเป็นไปในเชิงบวกด้วย และแน่นอนว่ามันส่งผลมาไกลถึงเรื่องความรักด้วยเช่นกัน ลองนึกถึงยามที่คุณโทรตามสุดที่รักให้มารับออกไปทานข้าว ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งหลับตาลงนอนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนรุ่งสางดูสิ ว่ามันน่าอารมณ์บูดแค่ไหน ?

 6. ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอด
          คนรักกันแน่นอนว่าอยากอยู่ใกล้ชิดกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณทั้งสองจะต้องตัวติดกันตลอดเวลา หากใครคนหนึ่งอยากดูหนัง แต่อีกคนอยากไปดูบอล หรือบางคราวใครคนหนึ่งอาจต้องการใช้วันหยุดสุดสัปดาห์พักผ่อนแบบส่วนตัวจริง ๆ ก็ปล่อยให้เขามีเวลาตรงนั้นเป็นของตัวเองบ้าง แยกกันสักนิด อยู่ห่างกันบ้าง จะทำให้ต่างคนต่างติดถึงกันมากกว่าเดิม หากอยู่ด้วยกันตลอดเวลาจะเอาเวลาตรงไหนไปคิดถึงกันล่ะ จริงไหม ^^

          ความรักก็ต้องการการบำรุงดูแลไปไม่ต่างตากต้นไม้สักต้น เมื่อไหร่ที่มันเริ่มเฉา ก็ต้องหมั่นรดน้ำ พรวนดิน เติมปุ๋ย กำจัดแมลง เหมือนกับการจัดการกับปัญหาที่พบในความรักนั่นเอง ปลูกต้นรักอย่างเข้าใจ และหมั่นดูแลเอาใจใส่ รับรองว่าต้นไม่ต้นนี้จะเติบโตอย่างแข็งแรง และยืนยาวเลยทีเดียว

Monday, February 6, 2012

การ์ดแต่งงานลายจุดสุดเก๋



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก polkadotdesign.com , polkadotcards.com และ bellafigura.com

          เรียก ได้ว่าฮอตฮิตตลอดกาลสำหรับเทรนด์ "ลายจุด" หรือ Polka Dot ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ไม่เคยจางหายไปจากวงการแฟชั่น ดังนั้น หนุ่ม ๆ ทั้งหลายไม่ต้องแปลกใจ หากว่าที่เจ้าสาวของคุณ จะหลงใหลมนต์เสน่ห์ความคลาสสิกของลายจุด จนอยากนำมาผสมผสานกับธีมงานแต่งงานให้กลมกลืนเข้ากันดี โดยเฉพาะกับ "การ์ดแต่งงาน"

          เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกเวดดิ้งจึงขอเอาใจคนรัก Polka Dot แฟชั่นยังคงมีกลิ่นอายเสมอ ไม่มีคำว่าอินหรือเอ้าท์ ด้วยการนำภาพ "การ์ดแต่งงานลายจุด" แจ่ม ๆ หลากหลายแบบมาให้ชมกัน เผื่อเป็นไอเดียดี ๆ ในการครีเอท "ลายจุด" และ "การ์ดแต่งงาน" ให้อยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว

























การ์ดแต่งงานลายจุดสุดเก๋



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก polkadotdesign.com , polkadotcards.com และ bellafigura.com

          เรียก ได้ว่าฮอตฮิตตลอดกาลสำหรับเทรนด์ "ลายจุด" หรือ Polka Dot ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ไม่เคยจางหายไปจากวงการแฟชั่น ดังนั้น หนุ่ม ๆ ทั้งหลายไม่ต้องแปลกใจ หากว่าที่เจ้าสาวของคุณ จะหลงใหลมนต์เสน่ห์ความคลาสสิกของลายจุด จนอยากนำมาผสมผสานกับธีมงานแต่งงานให้กลมกลืนเข้ากันดี โดยเฉพาะกับ "การ์ดแต่งงาน"

          เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกเวดดิ้งจึงขอเอาใจคนรัก Polka Dot แฟชั่นยังคงมีกลิ่นอายเสมอ ไม่มีคำว่าอินหรือเอ้าท์ ด้วยการนำภาพ "การ์ดแต่งงานลายจุด" แจ่ม ๆ หลากหลายแบบมาให้ชมกัน เผื่อเป็นไอเดียดี ๆ ในการครีเอท "ลายจุด" และ "การ์ดแต่งงาน" ให้อยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว