Sunday, October 30, 2011

6 เรื่อง ที่คุณผู้ชายอยากให้ผู้หญิงรู้

ความรัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


           แม้จะเห็นผู้ชายเป็นคนดูแข็ง ๆ ท่าทางไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องราวอะไรมากนัก น่าจะเป็นคนยังไงก็ได้ แต่ความจริงแล้วคุณผู้ชายเองก็รู้สึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับที่ผู้หญิงอย่างเรารู้สึกเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเขาไม่แสดงออก หรือพูดออกมา (ดัง ๆ) ให้เราได้ยินก็เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น เพื่อไม่ทำให้เขาเสียความรู้สึกโดยไม่ตั้งใจ และเพื่อให้รู้ทันอารมณ์ของเขา ลองมาดูเรื่องที่คุณผู้ชายอยากให้ผู้หญิงรู้ โดยที่เขาไม่ต้องบอกกันดีกว่าค่ะ...

1. ผู้ชายก็ต้องการรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ

           จำได้ไหมว่าอะไรที่ทำให้คุณรักเขา ลองนั่งนึกถึงสิ่งที่เขาเป็น และทำให้คุณรู้สึกอยากอยู่กับเขาขึ้นมาสัก 10 อย่าง แล้วบอกให้เขารู้ ผู้ชายแม้จะดูแข็ง ๆ ทื่อ ๆ เหมือนไม่ค่อยใส่ใจจะรับรู้อะไรเท่าไหร่ แต่เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันนะว่า อะไรที่ทำให้เขาเป็นคนสำคัญสำหรับคนที่เขารัก และนั่นจะทำให้เขารู้สึกดีมากเลยทีเดียว

2. ผู้ชายก็ต้องการการให้เกียรติ

           ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต้องการได้รับการให้เกียรติ แม้จะเป็นกับคนใกล้ชิดสนิทสนมอย่างคนรักกัน เขาก็ไม่อยากโดนคนรักวิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใจการกระทำของเขาด้วยตรรกะของ เธอ นอกจากนี้อย่าฉีกหน้าเขาท่ามกลางสาธารณะชน แม้จะเป็นเรื่องที่คุณคิดว่าเล็กนิดเดียวก็ตามที อย่างที่เรารู้กันดีว่าสำหรับผู้ชายแล้ว เรื่องเกียรติยศศักศรีดิ์เป็นเรื่องที่ลงให้กันไม่ได้จริง ๆ

3. ผู้ชายก็ชอบฟังคำหวาน ๆ

           แม้จะเป็นเพศชายแต่ก็ใช่ว่าเขาจะชอบให้คนมาพูดจาแข็งกระด้างด้วย หลาย ๆ ครั้งผู้หญิงก็ลืมเติมคำหวาน ๆ ลงไปเมื่อพูดกับเขา เช่น การขอร้องให้เขาทำอะไรให้สักอย่าง ลองเปลี่ยนคำพูดจาก "ขอแบบนั้นนะ" ... "ทำอย่างงี้สิ" มาเป็น "ฉันชอบเวลาคุณทำอย่างนั้นจัง คราวนี้ลองแบบนี้..ดูได้ไหม" หรือ " ฉันรู้ว่าคุณจะทำมันได้ดี ช่วย..หน่อยได้ไหม" เปลี่ยนคำพูดที่สื่อความทางเดียวกันให้อ่อนหวานขึ้น ทำได้ง่าย ๆ นิดเดียวเท่านั้น และรับรองว่าพอได้ฟังคำหวาน ๆ แบบนี้ เขาก็พร้อมทำตามอย่างที่สาว ๆ ขอแน่นอน

4. ผู้ชายร้อยละ 80 อารมณ์ขึ้นเมื่อผู้หญิงเองก็แรงใส่

           แม้จะถูกสอนและปลูกฝังมาว่าต้องอ่อนโยนกับเพศหญิง แต่จากการสำรวจกลับพบว่าผู้ชายถึงร้อยละ 80 มักจะอารมณ์ขึ้นเช่นกัน เมื่อฝ่ายหญิงเริ่มใส่อารมณ์ในการพูดคุย เพราะฉะนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะคารมรุนแรง ฝ่ายหญิงเองก็ต้องควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้เช่นกัน จะแรงใส่แล้วให้ผู้ชายต้องอดทนกับเราแต่เพียงฝ่ายเดียวคงไม่ได้

5. ผู้ชายมีความอดทนในการฟังต่ำ

           ผู้ชายมีความอดทนในการฟังเรื่องราวต่าง ๆ เพียง 2-3 นาทีเท่านัน เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการสื่อสารกับเขาอย่างมีประสิทธิภาพ ขมวดเรื่องราวให้กระชับ ตรงประเด็น และได้ใจความมากที่สุด ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ต้องการบอกให้เขารับทราบอาจตกหล่นไปได้ แล้วก็จะกลายเป็นคุณเองที่หงุดหงิดว่าเขาไม่สนใจฟัง และอาจนำมาซึ่งการทะเลาะกันได้นะคะ

6. ผู้ชายชอบการแข่งขัน

           โดยสัญชาติญาณเพศชายเป็นเพศที่ชอบการแข่งขัน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นหนุ่ม ๆ ชอบเล่นกีฬา ด้วยเหตุผลหนึ่งที่ว่าความรู้สึกได้เป็นผู้ชนะยังทำให้เขารื่นเริงเบิกบาน และเมื่อมันมาสู่ความสัมพันธ์ระหว่างสองคน ความรู้สึกว่าได้เป็นผู้ชนะก็ยังทำให้เขารู้สึกดีได้เช่นกัน ไม่ใช่เอาชนะคุณแต่เป็นการเอาชนะใจคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาไม่สามารถทำให้คุณรู้สึกพอใจได้ เมื่อนั้นคือเวลาที่เขารู้สึกว่าล้มเหลว ส่วนเวลาที่เขาทำให้คุณพอใจ ยิ้ม หรือหัวเราะได้ นั่นคือชัยชนะของเขาในฐานะคนรัก เพราะฉะนั้น เมื่อเขาทำให้คุณรู้สึกดีได้ การให้รางวัลตอบแทนเขาเล็ก ๆ น้อย จะทำให้เขารู้สึกว่าว่าการแข่งขันครั้งนี้ของเขามีคุณค่า และอยากจะพยายามในครั้งต่อ ๆ ไปอีกแน่นอน

           ถึงจะเป็นผู้ชาย...แต่เรื่องความรู้สึกของเขาก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนไม่แพ้ ผู้หญิงเหมือนกันนะคะ เพราะฉะนั้น เรื่องที่เราพอจะเดาทาง เพื่อเอาใจเขาได้ถูกก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำ รับรองว่าคุณผู้ชายจะต้องชอบใจที่สาว ๆ ทำตัวได้น่ารักถูกใจโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากแน่นอน

Avril Lavigne - Wish You Were Here

Monday, October 24, 2011

รักจืดแน่...ถ้าแก้นิสัยเหล่านี้ไม่ได้

ความรัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เมื่อ มีความรัก ไม่ว่าจะเป็นรักครั้งแรกหรือรักครั้งที่เท่าไหร่ก็ตาม คงไม่มีใครอยากให้มันต้องเกิดปัญหา แต่ความคาดหวังหรือนิสัยบางอย่าง ก็เป็นสิ่งที่คอยก่อกวนให้ความรักสั่นคลอนได้ ถ้าอย่างนั้นลองมาดูกันว่านิสัยหรือพฤติกรรมแบบไหนบ้าง ที่จะเป็นสาเหตุให้รักจืดจางได้

เป็นจอมวางแผน ทุกอย่างต้องได้ตามเกณฑ์ที่คิดไว้

          แน่นอนว่าชีวิตจะดูมีระเบียบ หากทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน คิดและพิจารณามาแล้วเป็นอย่างดี หรือต้องเป็นไปตามที่คุณคาดเอาไว้เท่านั้น บางครั้งความรักก็ไม่ได้ต้องการการจัดการและการบีบให้อยู่ในกรอบ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามความรู้สึกของตัวเองบ้างคงจะดี ไม่จำเป็นต้องให้เขามอบของให้ก่อนคุณถึงจะให้ของตอบได้ ไม่ใช่เรื่องผิดที่ต้องงอนสะบัดหากเขาซื้อพวงกุญแจให้ แทนที่จะเป็นดอกไม้ช่อใหญ่ที่คุณอยากได้ สำหรับเรื่องความรักทุกอย่างอาจไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ หรือสิ่งที่คุณหวังว่าให้เกิดขึ้นเสมอไป

เชื่อเฟชบุ๊กมากกว่าคนรัก

          แม้เทคโนโลยีและโซเชียลเน็ตเวิร์กจะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในชีวิตทุก ๆ วันนี้ของเรา และแม้ข้อมูลมากมายที่เข้ามา รวมถึงคอมเมนต์และบทสนทนาพูดคุยในหน้าเพจ จะทำให้คุณคาดเดาความเคลื่อนไหว หรือความรู้สึกนึกคิดของคนรักได้กลาย ๆ แต่อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นมีความสำคัญ เหนือกว่าสิ่งที่คุณได้รับรู้และได้สัมผัสโดยตรงจากตัวเขาเลย

มีความคิดว่าชีวิตนั้นดราม่า

          หลายคนอาจจะดูละคร หรือไม่ก็เสพสื่อมากเกินไป พอเจอสถานการณ์อะไรคล้าย ๆ กันเลยทำให้ตีความล่วงหน้าไปไกล ถ้าเจอพฤติกรรมแบบนี้แสดงว่าเขามีพิรุธ ถ้าเขาทำแบบนั้นแสดงว่าจะกำลังนอกใจ ฯลฯ แม้ละคร มิวสิควีดิโอ หรือ สื่อใด ๆ ก็ตามอาจมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง แต่ก็ใช่ว่าเรื่องจริงจะต้องเป็นเหมือนสื่อที่คุณเสพทุกครั้งไป เลิกคิดประติดประต่อเรื่องราว แล้วมองมันอย่างที่มันเป็นดีกว่า

บ้างาน

          หากคุณให้ความสำคัญกับเรื่องงานมาเป็นอันดับแรกเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อความรักเริ่มจะไม่ราบรื่น ก่อนจะโทษว่าเป็นความผิดของใคร คงต้องมองความบ้างานของคุณเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับแรกก่อนเลย บางทีคุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่ความบ้างานนี่เองที่เป็นอุปสรรคของความรักมานักต่อนักแล้ว มันไม่ผิดหากเขาจะน้อยใจที่คุณขอเลื่อนนัดเขาออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะต้องเตรียมงานประชุมสำคัญ และแม้คุณจะคิดว่าเขาไม่มีเหตุผล เพราะคุณก็ทำงานจริง ๆ ไม่ได้เถลไถลหรือเผลอใจไปกับคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นรักก็เฝื่อน เพราะคุณให้ใจกับการทำงานมาก่อนความรักนั่นเอง

ปิดตัวเอง เข้าถึงยาก

          คุณอาจจะมีประสบการณ์รักเก่าที่ไม่ค่อยดีนัก แต่หากนั่นจบไปแล้วก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป ไม่เก็บมาปนกับรักครั้งใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น เรื่องที่ผ่านมาคือบทเรียนที่เตือนให้ระวัง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คุณถึงขนาดต้องสร้างกำแพงปิดกั้นตัวเอง เพราะกลัวมันจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง เปิดตัวเอง เปิดใจ ให้อ่อนไหวไปกับรักครั้งใหม่ดีกว่า

ให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าความรู้สึก

          ของขวัญ ดอกไม้ แหวน ฯลฯ แม้สิ่งเหล่านี้จะทำให้รู้สึกดีใจจนอดยิ้มแก้มปริไม่ได้หากได้รับ แต่ถ้าเขาไม่มีของเหล่านี้มามอบให้ ไม่มีเค้กให้ในวันเกิด ไม่มีดอกให้ในวันครบรอบที่คบกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักหรือไม่ให้ความสำคัญกับคุณเสียหน่อย สิ่งของอาจเป็นตัวแทนคำว่ารักได้ แต่มันก็ไม่สามารถแทนที่ความรู้สึกรักที่คุณสัมผัสได้ จากการกระทำของเขาหรอกนะ

          เรื่อง เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราเลยนะคะ ถ้าระมัดระวังความรู้สึกของเขาสักนิด และระมัดระวังการกระแสดงออกของตัวเองด้วย ก็จะช่วยให้ความรักที่คุณมีดำเนินไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน

EMOTION TEXT

นี่แสดงว่าเล่นแบบนี้กับตัวเองทุกวันตีความไม่ถูกเรยนะเนี่ย

T_T.. = เศร้า,ซึม,ร้องไห้,น้อยใจนะ

๑_๑.. = ตาปูด, ตาบวม,ตาเขม็ง,จับจ้องอยู่นะ

>_<.. = งอแง, ไม่เอาไม่ย๊อม, อย่านะๆ

{ ! }.. = ต๊กกะใจ

:-P.. = ยิ้มแบบทะเล้นๆ แลบลิ้นใส่

(-_-).. = ซึมๆ เหงาๆ

-_-*.. = คิดได้ไง, กวนประสาท

- * -.. = เคืองใจ

^^.. = ยิ้มน้อยๆ

EMOTION TEXT

Sunday, October 23, 2011

รู้ มั๊ยว่าปลาไหลมายังไง????

รู้ มั๊ยว่าปลาไหลมายังไง???? มันเกิดจากการที่วิลปินวง Alice nine ของญี่ปุ่นโพสต์ แล้วกลุ่มแฟนคลับเข้าโพสต์ตาม แล้วกลุ่มคนไทยเลยเอามั่งแต่หารู้ไม่ว่า ความหมายที่แท้จริงของการโพสต์รูปอานาโกะ(ปลาไหล) คือ คนที่พ่อแม่เสียชีวิตแล้วทั้งคู่ เค้าจะโพสต์แทนรูปตัวเอง ในเว็บบล็อก ameba ซึ่งเป็นเว็บชื่อดังของญี่ปุ่น แล้วเผอิญนักร้องในวงนี้เสียชีวิตไป 2 คน ทางวงเลยโพสต์ขึ้น...รู้แล้วยังอยากมีรูปปลาไหลของตัวเองอยู่ไหม ....อ่านๆกันนะ ชาวปลาไหลทั้งหลาย มาตอนนี้ ญี่ปุ่นเขาได้เข้าใจว่าพ่อแม่ตายกันหมด Credit : Indy-Man Sky

Sunday, October 16, 2011

ระหว่างคนที่อยู่ใกล้กันแต่รักกันไม่ได้ กับคนที่รักกัน แต่ต้องอยู่ห่างไกล.....

ผมเคยถามหลายคนนะครับ ว่า
ระหว่าง "คนที่อยู่ใกล้กันแต่รักกันไม่ได้"กับ "คนที่รักกันแต่อยู่ไกลกัน" ว่าอันไหนมันเจ็บกว่ากัน
"เป็นมากกว่าเพื่อนได้ไหม ?" นี่คงเป็นประโยค ที่คนที่อยู่ใกล้กันแต่รักกันไม่ได้ ฟังแล้ว น่าจะจี๊ดมากๆ
"เคยคิดถึงเราบ้างไหม?" ประโยคนี้คงสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่รักกัน แต่ห่างไกลกันเหลือเกิน
คนที่อยู่ใกล้กัน แต่รักกันไม่ได้ มันคงจะเจ็บกว่า เพราะเห็นหน้ากันทุกวัน มันก็คงต้องเจ็บทุกวัน ทุกเวลาที่เห็นหน้า
แต่...... จะมีใครรู้บ้างไหมว่า  คนที่รักกันมาก แต่กลับต้องอยู่ไกลกัน มันเจ็บ ทุกเวลา ทุกนาที ทุกวินาที ที่คิดถึง ซึ่งยิ่งรักมาก ก็ยิ่งคิดถึงมาก ยิ่งคิดถึงมาก
มันก็ต้องทนเจ็บแทบตลอดเวลาที่หายใจเลยทีเดียว
คนที่อยู่ใกล้กัน แต่รักกันไม่ได้ เขาคงต้องรอไปเรื่อยๆ เรื่อยๆไป
แต่...... คนที่อยู่ห่างกันหล่ะ รักกันแทบตาย แต่ไม่ได้เจอกันแล้ว เค้ายังควรจะหวังอะไรกับความรักที่มีอยู่ได้ อย่างน้อย การได้ รอ ก็ยังมีความหวังกับปลายทางข้างหน้า
ผมคิดว่า อย่างมาก ในเมื่อรักไม่ได้ ก็แค่แยกห่างกัน
แต่...... รักกัน แต่ไม่สามารถเจอกันได้ เค้าควรจะทำยังไงความเจ็บปวดนั้นถึงจะหายไป
ตอนแรก ผมเคยเจ็บปวดกับการที่หลงรักคนใกล้ตัว ที่ไม่สามารถเป็นจริงไปได้ ผมเคยคิดว่ามันคือสิ่งที่เจ็บที่สุดในชีวิตแล้ว
แต่เมื่อผมได้สัมผัสความเจ็บปวด กับคนที่ผมรัก(แต่เค้าอาจจะไม่ได้รักผม) แต่ไม่สามารถที่จะเจอหน้า หรือพบ หรือแม้แต่จะได้คุย 
ความรู้สึกมันช่างต่างกันมาก อย่างที่ผมบอกไปแล้ว  คนที่อยู่ใกล้กัน แต่รักกันไม่ได้ อย่างน้อย ผมก็มีความสุข เวลาได้เห็นหน้า ได้เจอ ได้คุย
แต่ เมื่อต้องห่างกับคนที่รัก .....ทุกอย่างมันเหมือนว่างเปล่า สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียว
คือ รอให้ความเจ็บปวด ค่อยๆกัดกินหัวใจไป

Credit http://heij.exteen.com/20090616/entry

Friday, October 14, 2011

ใช้ชีวิตอย่างไร ไม่ให้มีเรื่องเสียใจภายหลัง

ความสุข

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม



          เคย คิดเสียใจกับเรื่องบางเรื่องแบบเจ็บใจสุด ๆ กันบ้างไหมเอ่ย พอนึก ๆ แล้วก็ต้องมีอารมณ์ประมาณว่าวันนั้น เหตุการณ์นั้น น่าจะทำอย่างโน้น อย่างนี้ เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แต่ต่อจากนี้ไปคุณอาจจะไม่ต้องมีความรู้สึกแบบนั้นแล้วล่ะ เพราะเราได้นำคำแนะนำดี ๆ จากคุณเทส มาร์แชล จากเว็บไซต์ Goodlifezen.com มาบอกกัน


          ฮันแน่! อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าข้อควรปฏิบัติดี ๆ ที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง จะช้าอยู่ทำไมล่ะ ตามมาดูกันโลดดด...


ดูแลตัวเอง


          การดูแลตัวเองถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกาย การแต่งกาย รวมถึงการนึกคิด ตัดสินใจและการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ฝึกดูแลตัวเองเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เข้าไว้ แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองอย่างแน่นอน


รู้จักตนเอง


          อีก หนึ่งข้อที่สำคัญไม่แพ้กัน คือคุณต้องรู้จักข้อดี - ข้อเสียของตัวคุณเอง เพราะถ้าคุณไม่รู้สิ่งเหล่านี้ที่เกี่ยวข้องกับคุณโดยตรงแล้วล่ะก็ เห็นทีคุณคงจะต้องมีเรื่องให้ต้องเสียใจอยู่เรื่อย ๆ ทีเดียวเชียวแหละ


เปิดโอกาสให้ตัวเอง


          อย่า ได้ปิดตัวเองให้จบปลักอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนไม่เป็นอันทำอะไรโดยเด็ดขาด มีฝันก็ขอให้ทำตามฝัน เพราะโลกใบนี้ยังมีสิ่งต่าง ๆ มากมายรอให้คุณได้ไปเจอ ไปสัมผัส อยู่เต็มไปหมด ฉะนั้น ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ลองเปิดใจกับสิ่งใหม่ ๆ เพื่อประสบการณ์ที่ดีของชีวิต


รู้จักแบ่งปัน


          ถัด มาก็คือการรู้จักแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้ผู้อื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรี่องราวที่คุณได้พอเจอมา ข้อมูลเด็ด ๆ และเรื่องดี ๆ โดน ๆ มากมายสารพัด เหล่านี้ลองไปบอกกล่าวคนรอบข้างดูบ้าง จะสร้างความสุขให้คุณได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ


พูดจาไพเราะ


          คิดเอาง่าย ๆ เวลาที่มีใครมาพูดกับคุณด้วยคำพูดที่ไพเราะ เสนาะหู คุณก็จะรู้สึกดีและอยากจะคุยกับคน ๆ นั้นต่อไปเรื่อย ๆ ใช่ไหมล่ะ ฉะนั้นแล้ว ก็ลองนำวิธีนี้ไปใช้ให้ติดเป็นนิสัยเลยก็ได้ เป็นอะไรที่ดูเข้าท่าอยู่ไม่น้อยเลยนะ จะบอกให้..


ใช้ชีวิตอย่างง่าย ๆ


          อย่าผูกมัดตัวเองกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป พูดง่าย ๆ ก็ชิล ๆ เข้าไว้ ทำแต่ละวันให้ดีที่สุด เรื่องอะไรที่แย่ ๆ เช่น การเป็นคนชอบนินทาคนอื่น ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือจะอะไรก็ตามแต่ที่เป็นแง่ลบ เลิกคิดเลิกทำซะ ทำตัวสบาย ๆ แล้วทุกอย่างก็จะชิลตามมาเอง


ทำจิตใจให้สงบเข้าไว้


          โลกเราทุกวันนี้มีเรื่องให้ได้วุ่นวายมากพอแล้ว อย่าได้เอาจิตใจของเราไปวุ่นวายให้เปล่าประโยชน์ตามเลย ลองฝึกสมาธิ สวดมนต์หรือใด ๆ ก็ได้ให้จิตใจได้สงบ ๆ ลงบ้าง จะเป็นประโยชน์อย่างมากเลยล่ะ


สัมผัสธรรมชาติบ้างก็ดีนะ


          ไป ว่ายน้ำ ปลูกต้นไม้ ปีนเขา เดินเท้าเปล่าผืนบนหญ้า พาร่างกายไปเจอและรับแสงแดด หรือลองทำกิจกรรมกลางแจ้งดูบ้าง อยากจะบอกว่าเป็นอะไรทื่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวย แบบเต็ม ๆ เน้น ๆ มากมายเลยนะเออ


รู้จักการให้อภัย


          เคยมีคนบอกไว้ว่า "จะโกรธจะงอนกันทำไม กว่าจะรักกันได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ ยังไงก็ต้องกลับมาดีกัน เสียดายเวลาที่ทุกข์ใจ เอาเวลานั้นมาบอกรักกันดีกว่า" คำพูดนี้บอกได้เลยว่าจริงสุด ๆ โกรธเคืองหรือแง่งอนกันไปก็เท่านั้น เสียเวลาเปล่า ๆ ให้อภัยกันได้ก็ให้กันไป ยอม ๆ กันบ้าง จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง


ยอมรับในความเป็นตัวตนของแต่ละคน


          คน เราเกิดมาต่างก็มีลักษณะการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป จะผิดหรือแปลกแยกกันบ้างก็ถือเป็นเรื่องที่ปกติ ดังนั้นแล้ว ยอมรับในสิ่งที่คนรอบข้างเป็น เข้าใจในตัวตนของแต่ละฝ่ายซึ่งกันและกัน จะเข้าท่ากว่ากันเยอะเลยล่ะ


ออกกำลังกายก็สำคัญนะ


          อย่า คิดว่าการออกกกำลังกายไม่สำคัญ ลองคิดดูสิว่า หากสภาพร่างกายไม่แข็งแรง มีเรื่องที่อยากจะทำมากมายแต่ทำไม่ไหว มันจะทำให้คุณต้องเสียใจขนาดไหน ฉะนั้น ออกกำลังกายเข้าไว้ เพื่อที่ร่างกายจะได้แข็งแรง จะได้พร้อมที่จะทำในสิ่งที่อยากทำได้อย่างฟิตพร้อมสมบูรณ์


แบ่งเวลาไปสังสรรค์บ้าง


          ชีวิตคนเราจะมัวแต่หลังขดหลังแข็งทำงานเก็บเงินอย่างเดียวมันเป็นไปไม่ได้ ขืนทำแบบนั้นอย่างเดียวมีหวังได้ลาจากโลกนี้ไปก่อนใช้เงินที่หามาแน่ ๆ หาเวลาไปเอ็นเตอร์เทนตัวเอง เอาความสุขใส่ตัวบ้าง จะไปสังสรรค์กับเพื่อนหรือทำในสิ่งที่ชอบก็ทำไป ชีวิตจะได้สมดุลขึ้นมาหน่อยไงล่ะ


ทำอะไรสนุก ๆ แผลง ๆ ในหมู่เพื่อน


          ลองหาเวลานั่งคุยกับเพื่อนแล้วนึกอะไรสนุก ๆ หรืออะไรที่แผลง ๆ ดู นอกจากจะเป็นเรื่องสนุกในหมู่เพื่อนแล้ว ไม่แน่นะ แรงบันดาลใจหรือไอเดียอื่น ๆ ที่มีความน่าสนใจอาจจะเข้ามาหาคุณโดยไม่ทันตั้งตัวเลยก็ได้นะ


ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง


          เพลงของ เสก โลโซ เคยบอกไว้ว่า "ขอ เพียงแค่ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงที่จุดหมาย โปรดจงมั่นใจที่ทำลงไปนะถูกแล้ว อย่าฟังคำคนอย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว คนแน่แน่วเท่านั้นผู้ชนะ" (มาเป็นเพลง!) จริงอย่างที่เขาว่าไว้นะจ๊ะ แน่แน่วและแน่วแน่เข้าไว้ ไม่ผิดที่จะทำตามฝัน แต่จะผิดหากทิ้งความฝันนั้นไปอย่างง่าย ๆ ในเมื่อกล้าที่จะฝันแล้ว ต้องทำให้ได้ จำไว้!!


ลองเรื่องเสี่ยง ๆ ดูบ้าง


          กีฬาท้าชีวิต หรือเรื่องไหนที่คุณกลัว ลองรวบรวมความกล้าแล้วไปเผชิญหน้ากับมันให้เต็มที่ แล้วความกลัวหรือเรื่องเสี่ยงใด ๆ ก็จะไม่สามารถทำให้คุณกลัวหรือไม่กล้าได้อย่างแน่นอน ฟันธง!!


ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและอัพเดตเรื่องใหม่ ๆ


          ทุก วันนี้โลกเรามีการเปลี่ยนแปลงไปมากมาย แถมยังมีข่าวสารจากหลากหลายแวดวงให้ได้รับรู้อีกมากมาย ฉะนั้นแล้ว คิดตามข่าวสารไว้บ้าง จะได้รู้ว่าโลกได้ก้าวไปถึงไหนแล้ว อีกทั้งเรื่องไหนที่ฮอตฮิตก็ดู ๆ ไว้บ้าง เผื่อใครมาถามจะได้มีเรื่องให้ได้พูดกันไปเยอะ ๆ


ประหยัด อดออม


          เศรษฐกิจโลกทุกวันนี้ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน บางประเทศยังประสบปัญหาทางการเงินให้วุ่นวายปวดหัวกันเป็นแถว ณ ตอนนี้อะไรที่ประหยัดได้ก็ช่วย ๆ กันประหยัด อย่าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เพราะหากในวันข้างหน้าคุณมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้เงินและไม่มีให้ใช้ล่ะก็ เดือดร้อนหนักแน่นอน


รู้จักแก้ปัญหาอย่างมีเหตุมีผล


          เมื่อ ไหร่ก็ตามที่คุณต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ไม่ได้รับเชิญ ขอให้ตั้งสติให้ดี ๆ อย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ค่อย ๆ แก้ปัญหานั้น ๆ ไปอย่างมีเหตุมีผล และทำให้ดีที่สุด เรียนรู้จากประสบการณ์ที่เคยพบเจอมา แล้วนำมาปรับประยุกต์ใช้กับเรื่องนั้น ๆ ขอให้จำไว้เสมอว่าทุกปัญหา มีทางออกของมันอยู่เสมอ


เลิกบ่นหรือตัดพ้อตัวเอง


          แน่ นอนว่าคนเราย่อมเจอกับเรื่องราว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ และการโดนนินทาว่าร้ายกันอยู่ทุกคน จะโดนมาก โดนน้อย ก็แตกต่างกันไป แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าจะมัวมานั่งบ่นโน่น ตินี่ หรือกล่าวโทษตัวเองให้ช้ำจิตช้ำใจเล่น เอาเวลาส่วนนั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่นดีกว่าเนอะ จะได้ไม่เครียด


เลือกที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ


          อย่าง ที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยได้ยินกันมาว่า "การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้โดยที่ไม่หวังผลตอบแทน" นี่ถือเป็นข้อที่ควรปฏิบัติมาก ๆ การได้ช่วยเหลือคนอื่น ๆ ให้หายเดือดร้อนหรือละได้ซึ่งความทุกข์ ถือเป็นการทำบุญ ได้กุศลอย่างมากมายเลยทีเดียว


ใช้เรื่องที่เคยเสียใจ มาสอนให้คุณแข็งแกร่งขึ้น


          ไม่ว่าคุณจะเคยเจอะเจอกับเรื่องเสียใจมามากน้อยขนาดไหน อย่าได้ไปจมปลักกับมัน แต่จงใช้มันเป็นบทเรียนชีวิต เพื่อสอนให้คุณได้ก้าวไปสู่วันข้างหน้าด้วยความแข็งแกร่งมากขึ้น และหากวันใดที่คุณต้องเจอกับเรื่องเสียใจอีก คุณจะผ่านมันไปได้อย่างง่าย ๆ สบาย ๆ


          ได้รู้ข้อ ปฏิบัติในการใช้ชีวิตดี ๆ แบบนี้แล้ว ก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะจ๊ะ อย่างน้อยก็เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันจิตใจของเราให้ดียิ่งขึ้นนะ^^

ฟังแต่คนอื่น ทำไมไม่ฟังเสียงหัวใจของตัวเอง

ความรัก

ฟังแต่คนอื่น ทำไมไม่ฟังเสียงหัวใจของตัวเอง (ใยไหม)

          เวลา มีปัญหาเกิดขึ้นกับความรัก เรามักจะหันหน้าไปพึ่งคนใกล้ตัว เอาแต่ปรึกษาเพื่อน...เชื่อเพื่อน...ทั้ง ๆ ที่มันเป็นปัญหาของเรา แทนที่จะปรึกษาแฟนของตัวเอง ถ้ามีปัญหาก็มาคุยกันให้เคลียร์ว่าทำไมความรักมันเริ่มยากขึ้น ไม่ใช่เอาแต่เชื่อคนอื่น ฟังแต่คนอื่น...แต่ไม่ยอมฟังเสียงหัวใจตัวเอง

          ถ้าเราปล่อยให้อนาคตความรักของเรา ตกอยู่ในกำมือของคนอื่นแล้ว เท่ากับว่าเรากำลังหันหลังให้กับความรักของตัวเอง ทำไมเราต้องทำตัวสวนทางกับความต้องการของตัวเองแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่มันควรเป็นการเผชิญหน้ากับคู่กรณีของเรา ถ้าทะเลาะกับแฟน เราต้องเคลียร์กับแฟน ระบายความรู้สึกให้เขาฟัง แล้วหาทางแก้ด้วยกัน ไม่ใช่ไปเคลียร์กับเพื่อน เล่าให้เพื่อนฟัง จากนั้นก็ปล่อยให้คำพูดของเพื่อน มาทำให้ตัวเองเจ็บปวด

          ประโยค เด็ดของเพื่อน ๆ ที่ส่วนใหญ่จะได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ แบบนี้ก็เลิกเถอะแก เป็นฉัน...ฉันไม่ง้อหรอก เลิกไปเลยดีกว่า ถ้ามาทำแบบนี้กับฉัน...ฉันไม่คบต่อแน่ หาใหม่ได้ดีกว่านี้อีก แกอย่าไปยอมนะ เสียศักดิ์ศรี

          เมื่อ รู้อย่างนี้แล้วก็หันหน้าเข้าหากันซะเถอะ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์เลย ยิ่งนาน ความไม่เข้าใจก็ยิ่งกินพื้นที่ในหัวใจเยอะ วันหนึ่งมันอาจกลายเป็นความไม่เข้าใจ ที่แก้ไขไม่ทันแล้วก็ได้นะ

          การที่คนคนหนึ่งมัวแต่ยึดติดกับคนอื่น โดยลืมที่จะสนใจคนของตัวเอง มันก็ไม่ต่างอะไรกับเวลาที่เราสอบตก แล้วมัวแต่ไปนั่งบ่นกับเพื่อนว่าข้อสอบมันยาก ทำไม่ได้ แทนที่จะกลับไปอ่านตำราใหม่อีกรอบ แล้วไปแก้ตัวให้มันผ่าน ความรักจริง ๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไร คนเรานี่แหละ สร้างเรื่องให้มันยุ่งยากเอง

          เก็บ คำพูดของคนอื่นล็อกใส่กุญแจไว้ซะ แล้วเริ่มเปิดรับคำพูดที่ออกมาจากใจของกันและกันดูสักครั้ง บางทีร้อยพันคำพูดของคนอื่นอาจฟังแล้วไม่อุ่นใจ เท่ากับคำพูดสั้น ๆ ของคนที่เรารัก และนั่นอาจเป็นเสียงที่หัวใจเราเรียกร้องถามหาอยู่ตลอดเวลานั่นเอง




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

จากหนังสือ : ไม่อยากให้เราเลิกกัน
เขียนโดย: ออนอุมาร์

Tuesday, October 11, 2011

ป่วยเป็นหวัด ใช้ยาอะไรดี

ป่วยเป็นหวัด ใช้ยาอะไรดี


ไข้หวัด


ยาแก้ไข้หวัด (หมอชาวบ้าน)
คอลัมน์ ฉลาด...ใช้ยา โดย ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

          พอย่างเข้าฤดูฝน เมฆฝนก็คลุมท้องฟ้า ฝนฟ้าคะนอง ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ลมแรง ดังที่เรียกกันว่า ฝนตกทั่วฟ้า สำหรับชาวประชาที่อยู่ใต้ฟ้าก็คงต้องปรับตัว เตรียมรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศให้ดี

          เรื่องสุขภาพร่างกายก็ได้รับผลกระทบจากฤดูฝนเช่นกัน มีหลายโรคที่มากับฤดูฝน ที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคไข้หวัด ที่จริงแล้วอาจพบหรือเป็นกันได้ทั้งปี แต่จะเป็นได้บ่อยหรือชุกชุมมากในช่วงที่มีฝนตก ซึ่งก็เกิดได้บ่อยในฤดูฝน จึงพบคนเป็นไข้หวัดจำนวนมาก

ยารักษาไข้หวัด...มีอะไรบ้าง

          ไข้หวัด มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส ที่มีมากกว่า 200 ชนิด และทุกครั้งที่เราเป็นไข้หวัด เราจะติดเชื้อไวรัสครั้งละ 1 ชนิด และก็มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสชนิดนั้น ๆ เราจึงเป็นไข้หวัดได้บ่อย ๆ บางคนเป็นปีละครั้ง บางคนเป็นปีละ 2 ครั้ง แต่ในเด็กเล็กจะพบได้บ่อย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่เริ่มไปอยู่รวมกันในสถานรับเลี้ยงเด็ก ชั้นเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล หรือโรงเรียนประถม เพราะเด็กเหล่านี้เพิ่งมาจากบ้านซึ่งเคยได้รับเชื้อไวรัสหวัดเพียงไม่กี่ ชนิด ต้องมาพบกับเชื้อไวรัสชนิดอื่น ๆ ประกอบกับมีภูมิต้านทานไม่กี่ชนิด จึงเป็นไข้หวัดได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันต่อไข้หวัดมากกว่าเด็ก

          เวลา เป็นไข้หวัด มักจะมีอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ พร้อม ๆ กับมีน้ำมูกไหล จึงเรียกโรคนี้ว่า ไข้หวัด ซึ่งมาจากคำไทย 2 คำ คือ "ไข้" และ "หวัด" เพราะโรคนี้ประกอบด้วย 2 กลุ่มอาการ คือ

          "ไข้" คืออาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ในบางคนอาจมีอาการมึนหัว งง ๆ เวียนหัวร่วมด้วย

          "หวัด" ซึ่งจะมีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก เป็นต้น

เป็นไข้หวัด...ใช้ยารักษาตามอาการ

          เนื่องจากโรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส และยังไม่มียาที่จะออกฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้หวัดได้โดย ตรง กรณีที่ป่วยเป็นไข้หวัด เราจึงแนะนำให้ผู้ป่วยรักษาตามอาการของแต่ละคน

          ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีอาการไข้ ตัวร้อน ปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว ก็จะแนะนำให้ใช้ยาแก้ปวดลดไข้ ซึ่งจะมีฤทธิ์ครอบคลุมอาการตัวร้อน และครั่นเนื้อครั่นตัวได้อย่างดีอีกด้วย คือ ยาพาราเซตามอล (paracetamol) หรืออะซีตามิโนเฟน (acetaminophen)


ยาพาราเซตามอล


มีไข้ ปวดหัว ตัวร้อน จากไข้หวัด ใช้ยาพาราเซตามอล

          พาราเซตามอล เป็นยาสามัญประจำบ้าน เวลาสมาชิกในครอบครัวมีอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ก็จะนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ ซึ่งโดยทั่วไปผู้ใหญ่นิยมกินครั้งละ 2 เม็ด (ขนาดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม) ทุก 4-6 ชั่วโมง เวลาที่มีอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ และเมื่อหายดีแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาอีก ใช้หยุดยาได้เลย เมื่อไหร่ที่เป็นอีก ก็หยิบใช้เป็นครั้งคราวไป

ใช้พาราเซตามอล...อย่างฉลาด

          จากการที่เราคุ้นเคยกับยาพาราเซตามอล มีการหยิบใช้กันบ่อย ๆ ไม่ว่าจะปวดหัว ตัวร้อน ปวดประจำเดือน ปวดฟัน ปวดหลัง ปวดเอว ปวดข้อ เป็นต้น เรียกว่ารู้จัก และใช้กันอย่างแพร่หลาย จนขนานนามว่า เพื่อนที่แสนดี เพราะไม่ว่าจะปวดอะไรก็นึกถึงพาราเซตามอล ยาก็คือยา ยาไม่ใช่ขนม หรืออาหาร เวลาใช้ก็ต้องระมัดระวังใช้อย่างมีเหตุผล ใช้ยาอย่างฉลาด ไม่ใช้อย่างพร่ำเพรื่อ เพราะคงเคยได้ยินคำขวัญว่า "ยามีคุณอนันต์ มีโทษมหันต์" และขอเติมต่อท้ายอีกนิดว่า "ควรใช้อย่างฉลาด"

          ยาที่แสนดีอย่างพาราเซตามอล ก็เป็นยาที่มีคุณอนันต์ และมีโทษมหันต์เช่นกัน ในเรื่องคุณอนันต์คงได้ประจักษ์กันแล้ว เพราะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ

ถ้าใช้ยาพาราเซตามอลติดต่อกันนาน...จะมีพิษต่อตับได้

          การใช้ยาพาราเซตามอลครั้งละ 2 ชนิด วันละ 3 ครั้ง ใช้ติดต่อกัน 2-3 วัน หรืออย่างมากก็ติดต่อกัน 5 วันหรือประมาณ 1 สัปดาห์ ถือว่าปลอดภัย

          ถ้า มีการใช้ยาเกิน 5-7 วัน และ/หรือใช้ติดต่อกันนานกว่านี้ ก็อาจเกิดอันตรายต่อผู้ที่ใช้ได้ โดยอันตรายที่เกิดจากการใช้ยาพาราเซตามอลติดต่อกันนาน ๆ เช่น ใช้วันละ 4 ครั้งและนานติดต่อกันเป็นเดือน ๆ ก็อาจส่งผลต่อการทำงานของตับได้ จึงควรระมัดระวัง เพราะยาตัวนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงโดยตับ เมื่อใช้ติดต่อกันนาน ๆ ก็อาจส่งผลต่อตับ ตัวเหลือง ตาเหลือง ที่เรียกกันว่า "ดีซ่าน" ได้ จึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง

          โทษอีกอย่างหนึ่งที่เกิดจากการใช้ยาพาราเซตามอลก็คือ ยานี้จะมีพิษต่อไตด้วย โดยจะเกิดพิษก็ต่อเมื่อมีการใช้ยาปริมาณมาก ๆ เช่น ครั้งละ 20 เม็ด ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดพิษต่อไตได้


ยาแก้หวัด


มีน้ำมูกไหล คัดจมูก ใช้ยาแก้แพ้...คลอร์เฟนิรามีน

          เวลาเป็นไข้หวัดมักมีน้ำมูกไหลด้วย ยาที่ช่วยได้ดีก็คือยาแก้แพ้ (antihistamines) ในท้องตลาดมีหลายยี่ห้อ แต่ ที่จะขอแนะนำได้แก่ ยาคลอร์เฟนิรามีน (chlorpheniramine) ยาเม็ดเล็กๆ สีเหลือง เป็นยาแก้แพ้ ที่มีฤทธิ์ลดน้ำมูกไหลได้อย่างดี และราคาไม่แพง

          ขนาดของยาคลอร์เฟนิรามีนที่ใช้สำหรับลดน้ำมูก คือครั้งละ 1 เม็ด (ขนาดเม็ดละ 4 มิลลิกรัม) วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน

          ยาค ลอร์เฟนิรามีนเป็นยาที่ดีมีประโยชน์ และก็มีโทษแฝงอยู่เช่นกัน ที่พบได้บ่อย คือ ทำให้ง่วงนอน ซึม มึน ๆ ไม่สดชื่น ทั้งนี้เพราะยาชนิดนี้จะผ่านจากเลือดเข้าสู่สมอง และทำให้เกิดอาการดังกล่าว ดังนั้น ผู้ที่กินยาคลอร์เฟนิรามีนจึงควรหลีกเลี่ยงการทำงานกับเครื่องจักร หรือการขับขี่ยานพาหนะต่าง ๆ เพราะหลังการกินยาแล้ว อาจทำให้ง่วงนอน และเกิดอุบัติเหตุได้ หรือบางครั้งจะแนะนำให้ผู้ป่วยเลือกใช้ยาชนิดนี้เฉพาะตอนเข้านอนเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย

          ปัจจุบันมียาแก้แพ้ชนิดใหม่ที่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงเรื่องง่วงนอนได้น้อย ลง และสามารถใช้ตอนกลางวันหรือช่วงเวลาทำงานได้ เช่น ยาเซทีริซีน (cetirizine) ยาแอลเซทีริซีน (L-cetirizine) ยาเฟกโซฟีนาดรีน (fexofenadrine) ยาลอร่าทาดีน (loratadine) หรือยาเดสลอร่าทาดีน (desloratadine) ยาทั้ง 5 ชนิดนี้ เป็นกลุ่มยาแก้แพ้ที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้น้อยจนถึงไม่ง่วงนอนเลย สามารถใช้ตอนกลางวันหรือตอนทำงานได้

          อย่าง ไรก็ตาม ถ้าใช้ยาแล้วก็ควรสังเกตผลของยาด้วยว่า มีอาการง่วงนอนหรือไม่ เพราะยังมีอยู่บ้างเป็นบางคนที่จะง่วงนอน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ง่วงนอน และก็เช่นเดียวกันกับยาแก้ปวด ลดไข้ เมื่อใดที่อาการดีขึ้นหรือหายดีแล้วก็หยุดยาได้เลย

เจ็บคอจากไข้หวัด ควรใช้ยาปฏิชีวนะหรือไม่

          อีกอาการหนึ่งที่อาจเกิดได้ระหว่างเป็นไข้หวัด ได้แก่ อาการเจ็บคอ ซึ่งมักจะไม่ค่อยเจ็บคอมาก แต่จะมีอาการคล้าย ๆ คอแห้ง คอแห้งผาก โดยอาการนี้จะเป็นมากตอนเช้า ๆ และจะดีขึ้นตอนสาย ๆ

          ถ้ามีอาการอย่างนี้ก็จัดเป็นอาการเจ็บคอจากโรคไข้หวัด ที่เกิดจากเชื้อไวรัส และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรือที่นิยมเรียกกันว่ายาแก้อักเสบ เพราะยาแก้อักเสบหรือยาปฏิชีวนะนั้นมีฤทธิ์ต่อเชื้อแบคทีเรียใช้รักษาโรคติด เชื้อแบคทีเรีย และไม่ได้ผลต่อโรคติดเชื้อไวรัสหวัด ในกรณีนี้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ยาแก้อักเสบ

          ถ้า มีอาการเจ็บคอมาก ๆ เหมือนเป็นแผลในคอ หรือมีอาการต่อมทอนซิลอักเสบ โต แดง มีหนอง หรือเสมหะมีสีเขียวข้น ก็อาจจะแสดงว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย และแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ เภสัชกร หรือพยาบาล เพื่อช่วยวินิจฉัยอาการเจ็บคออย่างแท้จริงก่อนการใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ควรจัดหายาปฏิชีวนะมาใช้เอง เพราะอาจเกิดการสูญเปล่า

          การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น และไม่ถูกต้อง และอาจส่งผลต่อการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียที่นับวันจะเป็นปัญหาสำคัญระดับ โลก จนคาดว่า ในอนาคตเราอาจเป็นผู้โชคร้ายที่เกิดการติดเชื้อแล้วไม่มียาปฏิชีวนะที่ดีไว้ ต่อสู้กับเชื้อที่ดื้อยาเหล่านี้ได้

          การรักษาโรคไข้หวัด เน้นการรักษาตามอาการของผู้ป่วย ถ้ามีไข้ ตัวร้อน ปวดหัว ก็ให้ใช้ยาพาราเซตามอล และถ้ามีน้ำมูกไหล คัดจมูก ก็แนะนำให้ใช้ยาคลอร์เฟนิรามีน ซึ่งต้องใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสม ไม่ใช้ยามากเกินจำเป็น ควรใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น

          การดูแลตนเองในโรคไข้หวัด ก็คือ การรักษาสุขอนามัยที่ดี อันได้แก่ อาการที่ถูกสุขลักษณะ มีผักและผลไม้ การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การ รักษาอารมณ์ให้สดชื่น แจ่มใส การดื่มน้ำบ่อย ๆ และการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ซึ่งช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคไข้หวัดได้เป็นอย่างดี ช่วยให้หายจากไข้หวัดได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 33 ฉบับที่ 389 กันยายน 2554