Wednesday, January 25, 2012

เมื่อหมดรัก...ต่อให้พยายามแค่ไหนเขาก็ไม่กลับมา

เมื่อหมดรัก...ต่อให้พยายามแค่ไหนเขาก็ไม่กลับมา

           หัวใจสำคัญของ "ความรัก" ก็คือ "การได้รัก" เพราะ ความรู้สึกรักสามารถหล่อเลี้ยงให้ชีวิตคู่ ก้าวเดินต่อไปได้อย่างมีความสุข มีรอยยิ้มในทุก ๆ วัน จึงไม่แปลกที่ใคร ๆ ต่างก็โหยหาหรืออยากมีรักไว้ในครอบครอง แต่ในทางกลับกัน อย่าลืมว่าเมื่อมีรักก็ต้องหมดรักเป็นธรรมดา ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่คนใดคนหนึ่งรู้สึก "หมดใจ" หรือ "หมดรัก" คงไม่ต่างอะไรกับ "การเลิกรา" แบบเงียบเฉียบ อยู่ที่ว่าเขาหรือเธอจะบอกถึงความรู้สึกแบบนี้ให้อีกฝ่ายรับรู้เมื่อไหร่ อย่างไร เท่านั้นเอง 

           ซึ่งหากใครคนใดคนหนึ่งหมดรัก อาการต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยหวานแหววมีเวลาให้กันตลอดเวลา ก็จะค่อย ๆ จืดจาง ทำ ให้บางคน บางคู่ พยายามเหลือเกินที่จะทำให้ความรู้สึกหมดรัก หวนกลับคืนมารักเหมือนเคย จนเกิดอาการยื้อ ฝืน ทน หรือทำทุกวิถีทางให้เขากลับมารักกันแบบเดิม ซึ่งบางครั้งก็มากซะจนไม่เป็นตัวของตัวเอง

           จริง ๆ แล้วปราการสำคัญที่ทำให้คุณฉุดยื้อคนที่หมดรักแล้ว คงหนีไม่พ้นคำว่า "ผูกพัน" ความเคยชินกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในเวลาที่มีเขา เวลาที่เราเคยทำอะไรร่วมกัน และ "ความกลัว" กลัว การเริ่มต้นใหม่ กลัวการอยู่คนเดียวในวันที่ไม่มีเขา จนทำให้หลงลืมไปด้วยว่าเมื่อเขาไม่รักแล้ว ไม่ว่าเราจะทำอะไร ดีขนาดไหน ก็ไม่มีความหมายในสายตาเขาหรอก
           อย่าเอาความผูกพัน มามัดตัวเอง จนเสียคุณค่าในตัวเองเลยจะดีกว่า ที่สำคัญอย่าทำให้ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน ต้องหมดลงเพียงเพราะคำว่า "ไม่เข้าใจ" ทาง ที่ดีทำใจยอมรับในความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นล่ะ เมื่อเขาหมดใจก็ปล่อยเขาไปในที่ที่เขามีใจ แล้วสักวันหนึ่งคุณก็จะได้อยู่กับคนที่รักคุณจนหมดใจเหมือนกัน

Saturday, January 21, 2012

เทคนิคระงับความโกรธของชีวิตคู่



เทคนิคระงับความโกรธของชีวิตคู่ (Woman's Story)

          เรื่อง ของคู่รักเป็นธรรมดาที่อาจต้องมีปากเสียงกระทบกระทั่งกันบ้าง เพราะคนเราย่อมมีเรื่องที่เข้ามาสร้างความไม่พอใจให้กับตัวเองได้ทั้งนั้น แต่ใครจะสามารถระงับความโกรธหรือมีความอดทนได้มากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาวะ หลายสิ่งรอบๆ ตัว แต่ถ้าโกรธกับจนถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งย่อมมีอันตรายมากกว่าการทะเลาะทั่วๆ ไป อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ทางที่ดีเราควรศึกษาวิธีระงับความโกรธเอาไว้บ้าง

หลีกเลี่ยงการพูดเวลาโกรธ

          เนื่องจากคำพูดที่ออกตอนขณะอารมณ์โกรธจะเป็นคำพูดที่รุนแรง และบั่นทอนจิตใจของคู่สนทนาหรือคนรอบข้างถ้าทั้งสองฝ่ายต่างโกรธ จะทำให้เหตุการณ์ปะทะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง ควรเงียบไว้ก่อนจนกว่าอารมณ์เป็นปกติ จึงค่อยพูดคุยปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้ง

พยายามใช้เหตุผล

          เมื่อรู้สึกโกรธเมื่อไหร่ให้ลองก้าวออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อน เพราะความโกรธไม่ช่วยอะไรใคร มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าอาจจะยังมีความโกรธอยู่ แต่ทางที่ดีที่สุดคือพยายามนิ่งไว้ เพื่อสงบอารมณ์ที่ปะทุอยู่ภายใน จากนั้นค่อยเรียบเรียงใช้คำพูดที่มีเหตุผลเพื่ออธิบายและพูดคุยต่อกันจะดี กว่า

มีความเห็นใจซึ่งกันและกัน

          ทุกครั้งที่มีอารมณ์โกรธให้มองคู่สนทนาหรือคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เราโกรธ นั้นเป็นใคร เพราถ้าหากเป็นเด็กเล็กๆ เช่นน้อง หรือหลาน แน่นอนว่าเค้าอาจจะไม่ตั้งใจทำให้เราโกรธ เราโกรธไปก็ทำให้เราสุขภาพจิตเสียเปล่าๆ ในขณะเดียวกันหากเป็นคนรักให้มองว่าเพราะอะไรถึงโกรธกัน คิดในทางกลับกันบ้าง ความเห็นใจจะช่วย ให้บรรเทาอาการโกรธของคุณได้

หันไปให้ความสนใจกับสิ่งอื่น

          ขณะที่กำลังโกรธกันให้มองหาข้อดีของคู่รัก หรือคิดถึงเรื่องในอดีตที่มีความสุขด้วยกัน เป็นการคิดบวกช่วยลบล้างความคิดในแง่ลบ จะช่วยลดความโกรธในใจคุณลงได้ง่ายดาย

ไม่ขึ้นเสียงใส่กัน

          ห้ามใช้เสียงในการทะเลาะเด็ดขาด เพราะมันจะเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายใช้เสียงเช่นกัน แล้วจากนั้นอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายก็จะพลุ่งพล่าน และไม่สามารถระงับความโกรธ หรือควบคุมสถานการณ์ได้

ยิ้มให้กันดีที่สุด

          การยิ้มทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างไม่ต้องพูดอะไรออกมา เพราการที่คุณพยายามยิ้ม นั่นแหละ คือคุณพยายามทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายกำลังเริ่มดีขึ้นแล้ว อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นเจตนาดีต่อกันอีกด้วย ช่วยคลายความตึงเครียดระหว่างคู่รักขณะมีปัญหาได้อย่างดีทีเดียว


         
   
คลิกอ่านความคิดเห็นของ เพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 12 ฉบับที่ 273 ธันวาคม 2554

Friday, January 13, 2012

ความรักไม่ได้สอนให้เราอยู่คนเดียวไม่ได้


ความรักไม่ได้สอนให้เราอยู่คนเดียวไม่ได้
จาก http://women.kapook.com/view36034.html
ความรักไม่ได้สอนให้เราอยู่คนเดียวไม่ได้  (ใยไหม)

เขียนโดย : มาบุชี่

          รา ต่างมีความรัก เพื่อที่จะได้มีใครสักคนอยู่เคียงข้าง ในทุกที่และทุกเวลาที่เราต้องการ แต่ถ้ามีความรักเพื่อที่ต้องอยู่คนเดียว เราจะมีความรักไปเพื่ออะไร? 

          แทบทุกคนที่มีความรัก มักเชื่อว่า "ความรัก" จะทำให้เราเหงาน้อยลง แต่สำหรับฉัน...ยิ่งฉันรักใครมากเท่าไหร่ ยิ่งกลับกลายเป็นคนขี้เหงามากขึ้น สิ่งที่ฉันเฝ้าย้ำถามตัวเองมาเนิ่นนาน "อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการมีความรัก" ซึ่งไม่ว่าเราจะหาคำตอบมาได้มากมายแค่ไหน สุดท้ายคงหนีไม่พ้นเหตุผลที่ว่า เรามีความรักเพื่อที่จะได้มี "ใครสักคน" เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างเราในทุกย่างก้าว

          "ความเหงา" ที่เข้ามาเยือนเราตอน "โสด" อาจจะเป็นความเหว่ว้าอันน่าหดหู่ แต่ถ้ามีแฟนแล้ว กลับต้องถูกทิ้งให้เหงาอยู่คนเดียวบ่อย ๆ มันแย่ยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่า...หรือใครจะเถียง?

          ถ้า "ความรัก" ทำให้เรา "มีความสุข...น้อยลง" และทำให้เราอยู่คนเดียวไม่ได้ ไปไหนคนเดียวไม่เป็น ก่อนที่จะโทษคนอื่นลองถามตัวเองก่อนดีไหมว่า...เราคาดหวังจากความรัก...มากไปหรือเปล่า? 

          ฉันเชื่อว่า เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนที่กำลังมีความรัก และรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ส่วนใหญ่ก็เป็นเงื่อนไขที่เราสร้างขึ้นมากดดันตัวเองทั้งนั้น เพราะไม่ว่าคนสองคนจะรักกันแค่ไหน ก็คงไม่มีใครสามารถอยู่ใกล้ชิดตัวติดกันได้ทุกวันเวลา คนที่มีความรักแล้วอยู่คนเดียวไม่ได้ นั่นเป็นเพราะว่าต่อให้เขามีความรักอยู่เต็มหัวใจ แต่ก็ใช้มันไม่เป็น

          ถ้าเรารู้จักใช้ "หัวใจ" โอบกอด "ความรัก" เอาไว้ แบ่งปันรักให้คนอื่น...และเหลือมันไว้ให้ตัวเองบ้าง แม้จะต้องอยู่คนเดียวกี่ร้อยวันกี่พันคืน "ความเหงา" ก็ทำอะไรเราไม่ได้อยู่ดี กับคำพูดที่ว่า "คนทุกคนบนโลกนี้ล้วนแตกต่างกัน" บาง ครั้ง...เราอาจจะเป็นคนขี้เหงาและช่างอ่อนไหว หรือบางที...เราก็แค่มีความมั่นใจไม่เท่ากับคนอื่น แต่ถ้าเราได้รับโอกาสให้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้โชคดีที่ได้มีความรักแล้ว จงภูมิใจกับความรักที่ตัวเองมีอยู่ และจงภูมิใจกับตัวเองมาก ๆ ด้วย เพราะความรักไม่เคยสอนให้เรา...อยู่คนเดียวไม่ได้ แต่ความรักจะทำให้การอยู่คนเดียวของเรา เป็นช่วงเวลาที่มีความหมาย...มากที่สุด

          ในความเงียบ เราจะได้ยินคำว่ารักที่เราอยากฟัง...ดังที่สุด
          ในความมืด เราจะมองเห็นภาพความสุขที่เราอยากมี...ชัดที่สุด
          ในเวลาที่เราอยู่คนเดียว เราจะได้เรียนรู้ว่าใครคือคนที่เราคิดถึง...มากที่สุด


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

จากหนังสือ :  รัก...มากไปหรือเปล่า?

Tuesday, January 10, 2012

อย่าหยิบเอาอดีต มาทำร้ายความสุขในปัจจุบัน

ความรัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          บ่อยครั้งที่ใครบางคนชอบหวนไปคิดถึงเรื่องราวใน "อดีต" ประเภทความทรงจำสีจาง ซึ่งไม่ว่าเมื่อไหร่ที่นึกถึงก็ทำให้ใจยิ้มได้อยู่เสมอ ยิ่งห้วงเวลา "ปัจจุบัน" คุณกำลังตกอยู่ในภาวะอารมณ์เศร้าสร้อย หงอยเหงา เสียใจ เรื่องราวในวันวานจะค่อย ๆ ปรากฎชัดเจนมากกว่าเดิม โดยเฉพาะกับ "ความรัก" หากวันนี้กับคนที่คบอยู่ ไม่เป็นไปตามที่วาดฝัน ความรักครั้งที่ผ่านมาของคุณ จะถูกหยิบมาเปรียบเทียบกับรักครั้งนี้ทันที -_-

          จริงอยู่ว่าทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาสำหรับความรัก มันคือภาพความทรงจำดี ๆ ที่คนสองคนเคยทำร่วมกัน เคยสร้างมาด้วยกัน จึงไม่แปลกที่คุณจะหวนกลับไปคิดถึง หรือบางคนก็ชอบเอาคนรักไปเปรียบเทียบกับแฟนเก่าโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะด้วยของรูปร่าง หน้าตา ลักษณะนิสัย การดูแลเอาใจใส่ เป็นต้น 

          แต่อย่าลืมว่า ณ ตอนนี้ ปัจจุบันนี้ ช่วงเวลาเหล่านั้นมันได้ผ่านไปแล้ว ถึงมันจะสามารถทำให้คุณยิ้มได้ทุกคราวที่เสียใจ ร้องไห้ หรือทะเลาะกับคนรัก แต่มันก็คงไม่มีมือมาโอบกอดให้อุ่นเหมือนเคย ไม่มีคำพูดดี ๆ มาปลอบประโลม ไม่มีรอยยิ้มหวาน ๆ มาสร้างกำลังใจยามที่ท้อแท้ได้หรอกนะ

          เพราะอะไร...เพราะมันเป็น "อดีต" เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ดังนั้น อย่าไปยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ ที่ไม่มีวันกลับคืนมาเหมือนเดิม ลองหันไปมองคนที่ยืนอยู่เคียงข้าง คนที่คอยให้กำลัง คนที่คอยเอาใจใส่ คนที่ชอบชวนทะเลาะ คนที่ชอบให้งอนง้อ ฯลฯ ถึงอย่างไรก็ตามแต่ ทั้งหมดนี้มันเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ เป็นความรักที่จับต้องและรับรู้ได้

          ทาง ที่ดีอย่าทำให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คุณตอนนี้ เวลานี้ ต้องรู้สึกเป็น "เงา" ของใครบางคนจะดีกว่า เพราะหากวันใดวันหนึ่ง เขาเดินจากคุณไปแล้ว คนที่เสียใจที่สุดคงไม่พ้นคุณนั่นเอง! 
จาก http://women.kapook.com/view35937.html

Monday, January 9, 2012

ไม่มีใครทำให้เราเจ็บปวดได้ มากเท่ากับความคิดของตัวเราเอง

จาก http://women.kapook.com/view35813.html

ความรัก

ไม่มีใครทำให้เราเจ็บปวดได้ มากเท่ากับความคิดของตัวเราเอง (ใยไหม)

เขียนโดย : มาบุชี่

          ฉัน อาจจะไม่ใช่คนที่มองโลกในแง่มุมที่สวยงามนัก ฉันก็แค่อยากมีความรักแบบไม่ประมาท...ก็เท่านั้น เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่ฉันผ่านความผิดหวังมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คนบางคนก็ใช้คำว่า “รัก” มาหลอกให้ฉันหวัง ก่อนจะทิ้งฉันไปให้ต้องเดียวดายลำพังอย่างเจ็บปวด และคนบางคนก็ทำให้ฉันเรียนรู้ว่า ไม่ว่าฉันจะจริงจังกับความรักมากแค่ไหน แต่ถ้ามัน “ไม่ใช่” ... คนสองคนก็ไปด้วยกันไม่ได้อยู่ดี

          เมื่อ “ความรัก” ไม่ได้มีแค่ความสุขสมหวังเพียงอย่างเดียว ถ้าฉันจะคิดมาก แล้วเหมือนฉันทำร้ายตัวฉันเอง อย่างน้อยก็ยังดีกว่า...ไม่คิดอะไรเลย เพื่อปล่อยให้คนอื่นทำร้ายฉันอยู่ฝ่ายเดียว ใครหลายคนเคยพูดให้ได้ยินว่า “ความทุกข์ของคนเรา ก็เหมือนกับก้อนหินที่เราหยิบมันขึ้นมากำเอาไว้ในมือ ยิ่งกำแน่นก็ยิ่งเจ็บ...แต่เราก็ไม่ยอมปล่อย”

          ประสบการณ์ บางอย่างที่ทำให้เรานึกหวาดกลัวความผิดหวัง หลายครั้งมันก็ทำให้เราระวังจนเกินเหตุ แทนที่จะมีความรักเพื่อทำให้เรามองเห็นอะไรสวยงามขึ้น แต่เราก็เลือกจะมีชีวิตอยู่กับมัน แค่เพียงในมุมที่โหดร้าย แทนที่จะอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เรารักได้อย่างอบอุ่นใจ แต่เราก็ทำให้มันมีอะไรมาทำให้เราเสียจำได้ตลอด

          ที่เป็นเช่นนั้น...ไม่ใช่เพราะว่าความจริงทำร้ายเราหรอก แต่เป็นเพราะว่า “ความคิดของเรา” นั่นแหละ...ที่ทำร้ายตัวเราเอง และบางทีมันก็ทำร้าย “ความรัก” ที่เรามีอยู่ด้วย

          “ถ้า บางอย่างที่เราคิด แล้วมันทำให้เราเป็นทุกข์ ทางออกที่ดีที่สุดมีอยู่แค่ทางเดียว “เลิกคิด” หรือถ้าหลีกเลี่ยงที่จะคิดไม่ได้ บางอย่างที่เราคิดว่ามันแย่ ทำไมเราไม่คิดว่ามันดีดูบ้างล่ะ?

          กับอะไรที่ทำให้เราเจ็บปวด บางทีเราไม่ได้เจ็บเพราะว่ามันทำให้เราเจ็บหรอก แต่เราเจ็บเพราะมันทำให้เราเจ็บต่างหาก แม้ว่ามันอาจจะยากไปสักนิด...กับการห้ามความคิดของตัวเราเอง แต่ถ้าเรารู้จักใช้ “ความคิด” ของเราเป็นเชื้อไฟ เพื่อเติมพลังให้ตัวเราเองมีกำลังใจดี ๆ หากความรักจะทุกข์มากหน่อย หรือสุขน้อยหน่อย สุดท้ายแล้ว...มันก็จะไม่มีวันแย่ไปกว่าที่เราคิดได้เลย

          ความรักทำร้ายใครไม่ได้หรอก มีแต่เราเท่านั้นที่ทำร้ายความรัก

อาหาร 8 ชนิดที่เราอาจไม่ได้กินอีกต่อไป

จาก http://www.greenworld.or.th/greenworld/foreign/1596
เรียบเรียง : กรวิกา วีระพันธ์เทพา / ภาพ : gettyimages
ใครคิดว่าสภาพอากาศของโลกเราเปลี่ยนไปแล้วบ้าง?
หากใครต้องการข้อพิสูจน์ “อาหารและเครื่องดื่ม” จานโปรดของใครหลายคนอาจเป็นหลักฐานได้อย่างดี เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ฝนที่ตกแบบไม่มีฤดูกาล และภาวะแห้งแล้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำผึ้ง กาแฟ ช็อกโกแลต และเบอร์เบิ้น ฯลฯ ... แค่นี้ก็อาจทำให้หลายคนเริ่มตระหนักถึงปัญหาสภาพดินฟ้าอากาศกันแล้วก็เป็น ได้
ขนมปัง
ภาวะขาดแคลนขนมปังเริ่มกลายเป็นความจริงที่น่าตกใจ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ราคาของธัญพืชทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว เนื่องจากความร้อน ความแห้งแล้ง และไฟป่าในรัสเซีย รวมทั้งอุทกภัยที่ออสเตรเลียด้วย ผลผลิตข้าวสาลีที่เสียหายเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นปัจจัยสำคัญของการปฏิวัติ “อาหรับสปริง” (ประชาชนประท้วงรัฐบาลที่ปล่อยให้ข้าวยากหมากแพง และขนมปังก็เป็นอาหารหลักของชาวอาหรับ) ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผลกระทบของสภาวะอากาศต่อผลผลิตทั่วโลกถือว่าเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น อีก 20 ปีข้างหน้า ราคาขนมปังจะเพิ่มขึ้นถึง 90% และเพื่อเตรียมการต่อภาวะข้าวสาลีขาดตลาด บริษัทใหญ่อย่าง Glencore และ Cargrill จึงได้ตั้งเป้าผูกขาดตลาด เพื่อทำกำไรสูงสุดหากปริมาณข้าวสาลีทั่วโลกยังลดลงต่อเนื่อง
ช็อกโกแลต
สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไม่เพียงแต่ทำให้น้ำแข็งเท่านั้นที่ละลาย ช็อกโกแลตที่รักของหลายๆ คนก็เช่นกัน อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 3 องศาก็ส่งผลให้เมล็ดโกโก้ในกานาและไอเวอรี่โคสต์ลดลงอย่างฮวบฮาบ ปรากฏการณ์นี้ส่งผลอย่างมากต่อประเทศแถบแอฟริกาซึ่งทำรายได้จากการขายโกโก้ (ขายดีขนาดเปรียบเปรยกันว่า ชาวบ้านสามารถเก็บเมล็ดโกโก้จากต้นแล้วไปแลกเป็นเงินสดได้ทันที) แต่โชคยังดีที่แม้วัตถุดิบช็อกโกแลตจะลดลง แต่มันก็ยังไม่หายไปเสียทีเดียว กลุ่มประเทศที่ปลูกต้นโกโก้อาจต้องย้ายพื้นที่เพาะปลูกไปยังที่เหมาะสมกว่า สภาพอากาศเย็นกว่า ประมาณ 200 ไมล์จากชายฝั่ง และหากมองในแง่ดี ผลผลิตโกโก้ที่ลดลงอาจทำให้คุณภาพช็อกโกแลตดีขึ้นก็ได้

กาแฟ

ถือเป็นอาหารที่หายากไปเรียบร้อยแล้วสำหรับกาแฟ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศ วงจรฝนที่เปลี่ยนไป ส่งผลกระทบกับทุกภูมิภาคที่ปลูกกาแฟ เช่น บราซิล เวียดนาม แอฟริกา สิ่งยืนยันว่าผลผลิตกาแฟลดลงเห็นได้จากราคากาแฟที่สูงขึ้นอย่างมาก ระหว่างปี 2010 ถึง 2011 ผู้ผลิตกาแฟในสหรัฐอเมริกาอย่าง Maxwell House และ Folgers ขึ้นราคากาแฟถึง 25%
เบอร์เบิ้น
การผลิตเบอร์เบิ้นในมลรัฐเคนตักกี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศตามฤดูกาล สภาพอากาศและอุณหภูมิของโลกเปลี่ยนไป ส่งผลต่อรสชาติและสีสันของเบอร์เบิ้น เป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้จากรูปแบบฤดูกาล และตามที่คาดการณ์ไว้ว่าใน 100 ปีข้างหน้า อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้น 3 องศา ก็อาจทำให้มลรัฐเคนตักกี้ไม่สามารถผลิตเบอร์เบิ้นได้อีกเลย
น้ำผึ้ง
หนึ่งในตัวบ่งชี้ผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก็คือการตายของ ผึ้งเป็นจำนวนมาก และแน่นอนจำนวนผึ้งที่ลดลงย่อมทำให้สิ่งที่ผึ้งเท่านั้นผลิตได้อย่าง “น้ำผึ้ง” ลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม ของหวานชนิดนี้ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว เพราะผึ้งถือเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ที่ปรับตัวกับโรคภัยไข้เจ็บได้ดี  เพราะฉะนั้น มันอาจจะปรับตัวกับอุณหภูมิโลกที่เปลี่ยนไปได้

ถั่วลิสง
ดูเหมือนว่าการผลิตถั่วลิสงจะได้ประโยชน์จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง เพราะถั่วลิสงออกผลผลิตดีขึ้นเมื่อมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น แต่ทว่าในฤดูร้อนที่แห้งแล้งก็ทำให้ผลผลิตถั่วลดลงไปมาก การขาดแคลนถั่วลิสงยังหมายถึงเนยถั่วที่ลดลงด้วย ราคาเนยถั่วได้พุ่งสูงขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างที่บอกว่าถั่วลิสงออกผลผลิตได้ดีในที่มีคาร์บอนไดออกไซด์สูง จึงคาดการณ์กันว่าจะกลับมาเพาะปลูกได้อีกในปีหน้าที่อากาศเริ่มเย็นลง
อากาเว่
อากาเว่เป็นอาหารให้คาร์โบไฮเดรตตัวหลักของชาวเม็กซิกัน และเป็นวัตถุดิบผลิตเตกีล่าด้วย แต่ด้วยความแห้งแล้งในภาคเหนือของเม็กซิโกทำให้การทำเกษตรทุกประเภทได้รับผล กระทบ และรัฐบาลก็ถูกกดดันจากอเมริกาและยุโรปให้ปลูกข้าวโพดเพื่อผลิตเอทานอลแทน นั่นอาจหมายถึงเราจะมีเอทานอลเพิ่มขึ้นขณะที่เตกีล่าน้อยลง
ไวน์
อากาศที่ร้อนขึ้นในพื้นที่ปลูกองุ่นของแคลิฟอร์เนียอาจทำให้ปริมาณองุ่นลดลง ถึง 50% จากที่เคยผลิตได้ในปี 2004 และพื้นที่อื่นๆ ของประเทศก็กำลังพบเจอกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเช่นกัน การผลิตไวน์อาจจะต้องย้ายที่ เมืองฟิงเกอร์เลคที่ชานเมืองนิวยอร์กและพูเก็ตซาวนด์ในรัฐวอชิงตันอาจจะกลาย เป็นพื้นที่เพาะปลูกไวน์แห่งใหม่ก็เป็นได้
เรียบเรียงจาก : www.good.is

Sunday, January 1, 2012

คำขวัญวันเด็กปี2555

"สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี"