เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ใคร
ที่ใช้ชีวิตเก่ง ๆ จะรู้ว่า "ความสุข"
ถือเป็นเกณฑ์การวัดความสำเร็จในชีวิตของคนคนหนึ่งได้ดีที่สุดแล้ว
และหากสามารถทำให้คนรอบข้างมีความสุขไปด้วย
ก็นับเป็นความสำเร็จในการมีความสุขแบบคูณสอง รับรองคุณจะยิ่งแฮปปี้เลยล่ะ ... แต่ว่าเรื่องนี้มันจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ หากว่าคุณไม่เริ่มต้นด้วยการทำให้ตัวเองมีความสุขเสียก่อน แหม พอฟังแล้วชักจะคิดหนัก ไอ้ชีวิตทุกวันนี้ก็นับว่าโอเคในระดับหนึ่งล่ะนะ แต่ถ้าถามว่าอยู่ในระดับที่เรียกว่า
"แฮปปี้กับทุกวันของชีวิต" ไหม
ก็ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แล้วพอเป็นเสียอย่างนี้
เรื่องจะไปทำให้คนรอบข้างมีความสุขตามไปด้วยนี่แทบจะลืมไปได้เลย
จะทำยังไงให้เติมความสุขลงไปในชีวิตแต่ละวันได้บ้างหนอ แล้วขอแบบง่าย ๆ
ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องขวนขวายมากน่ะ จะมีหรือเปล่า
เพราะขอบอกว่าไม่ว่างพอที่จะลาพักร้อนไปเที่ยวเติมความสุขใหตัวเองหรอกนะ
..
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนี้ล่ะก็ คงต้องลองสิ่งเล็ก ๆ ทำง่าย ๆ
แต่เพิ่มระดับดีกรีความสุขในแต่ละวันได้ ลองดูคำแนะนำทั้ง 9 ข้อนี้ จาก inc.com ดูสิ น่าจะช่วยคุณได้นะ
1. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยใจที่มุ่งมั่น "วันนี้ฉันต้องเจอเรื่องดี ๆ ชัวร์!"
แทนที่จะตื่นมา แคะขี้ตา แล้วอาบน้ำแปรงฟันเหมือนวันก่อน ๆ
ลองเพิ่มหนึ่งกิจกรรมง่าย ๆ เข้าไปตอนตื่นนอน ให้บอกตัวเองดัง ๆ ว่า
"วันนี้ฉันต้องเจอเรื่องดี ๆ ชัวร์ป้าบ" ..
อ้อ แล้วไม่ใช่แค่บอกนะ ขอให้คุณ (พยายาม)
เชื่อว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นด้วย ความเชื่อแบบนี้แหละ
ที่จะทำให้คุณสามารถมองเรื่องที่แสนจะธรรมดาสามัญ
แบบที่เคยมองว่ามันเป็นอย่างนั้นในวันก่อน ๆ
ให้กลายเป็นเรื่องพิเศษขึ้นมาได้ เป็นต้นว่า
ซื้อข้าวมันไก่กินแล้ววันนี้ดันได้ไก่เพิ่มมาหนึ่งชิ้น เท่านี้ก็พิเศษแล้ว
(ดูเพ้อเจ้อไปหน่อย แต่มันทำให้คุณมีความสุขได้ง่ายขึ้นจริง ๆ นะเออ)
2. วางแผนสิ่งที่จะทำและลำดับความสำคัญ
ที่มาชั้นเยี่ยมของความเครียดในแต่ละวัน
(ซึ่งเป็นตัวการขัดขวางความสุขของเรา) คือ การที่แต่ละวันมีงานสุมหัว
มีเรื่องให้ต้องจัดการสารพัดมากมายร้อยแปด
เยอะจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี .. เอาล่ะ ใจเย็น ๆ นะ ค่อย ๆ
พิจารณาความสำคัญของงานแต่ละชิ้นดูว่า อะไรควรทำก่อน-หลัง และที่สำคัญคือ
สิ่งไหนจะทำให้คุณเขยิบเข้าใกล้เป้าหมายหรือความฝันของตัวเองได้มากขึ้นอีก
นิด สิ่งนั้นแหละที่คุณควรจะให้ความสำคัญกับมันมากที่สุด
จัดการเสียให้เรียบร้อย
พอหมดวันรับรองว่าคุณจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับผลงานของตัวเอง
3. มอบของขวัญแก่ผู้คนที่พบในแต่ละวัน
เราไม่ได้พูดถึงของขวัญที่เป็นทางการแบบใส่กล่องผูกโบนะคะ
แต่เป็นของขวัญที่เรียบง่ายเปี่ยมด้วยความหมายดี ๆ จากตัวคุณเองต่างหาก
ไม่ว่าจะเป็น รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ แชร์เรื่องขำขัน พูดให้กำลังใจ
หรือแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ฯลฯ .. รับรอง สุขใจผู้ให้
ถูกใจผู้รับนะจ๊ะ
4. งดคุยเรื่องการเมือง - ศาสนา มีบทสนทนาอยู่ 2 เรื่อง ที่ไม่ว่าจะถกเถียงอย่างไรก็ไม่เคยได้มาซึ่งคำตอบที่ถูกต้องที่สุด นั่นก็คือเรื่อง
"การเมือง" กับ "ศาสนา"
เถียงกันมาตั้งไม่รู้กี่สิบปี (บางกรณีอาจถึงขั้นร้อย
หรือนานกว่านั้นเยอะเลยล่ะ) ก็ไม่เห็นจะได้คำตอบดี ๆ
ที่ทำให้คนสองฝ่ายเข้าใจตรงกันได้สักครั้ง
แถมมีแนวโน้มว่ายิ่งเถียงกันนานก็ยิ่งทวีความรุนแรงด้วย
หากรู้ตัวว่ากำลังเพลี่ยงพล้ำตกลงไปอยู่ในวังวนของบทสนทนาแบบนี้เมื่อไหร่
ขอบอกว่ารีบถอนตัวออกมาซะยิ่งเร็วยิ่งดี เดี๋ยวจะพาลหงุดหงิด
เสียสุขภาพจิตเอาได้ง่าย ๆ
5. คิดไว้ก่อนว่าใคร ๆ ก็มีเจตนาดี
ตราบเท่าที่เราไม่สามารถอ่านความคิดของคนอื่นได้
ก็ไม่มีทางรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงได้หรอกว่า
เหตุผลหรือเจตนาเบื้องหลังการกระทำของคนคนหนึ่งนั้นคืออะไร
แล้วการไปตีความดักหน้า ว่าที่ใครคนหนึ่งทำอะไรแปลก ๆ ให้คุณรู้สึกตะหงิดใจ
จะต้องมีเจตนาไม่ดีแน่ ๆ
นั่นจะกลายเป็นการผลักตัวคุณเองลงไปจมจ่อมอยู่กับความทุกข์
ความไม่สบายใจนานาประการ พลิกความคิดนิดหน่อย เปลี่ยนเป็นบอกตัวเองว่า
"เขาน่าจะมีเจตนาดีแหละนะ"
จะทำให้ใจคุณเบาหวิวขึ้นเยอะ และท้ายที่สุด
ต่อให้เจตนาของเขาไม่ได้ดีอย่างที่คุณคาดหวังเอาไว้
ก็ยังทำให้คุณพร้อมที่จะปล่อยผ่านไป ไม่เก็บความไม่สบายใจไว้กับตัวด้วย
6. ละเลียดของอร่อย
ต่อมรับรสทำงานประสานกับความรู้สึกมีความสุขโดยตรงเลยนะขอบอก
เครื่องดื่มเย็น ๆ สักแก้ว ขนมเค้กเล็ก ๆ สักชิ้น ช็อกโกแลตคุณภาพดีสักแท่ง
ก็ทำให้วันของคุณสว่างสดใสได้แล้วล่ะ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมร้านเค้ก
หรือว่าร้านกาแฟ จึงเปรียบเสมือนแฮปปี้ สเตชั่น ประจำวันของหลาย ๆ คน :)
7. เลิกกังวลถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว อีกหนึ่งศัตรูตัวร้ายที่คอยขัดขวางไม่ให้คุณมีความสุข ก็คือ
"ความกังวล"
อันเป็นสิ่งที่เกิดจากการเอาใจไปผูกติดกับสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้
โดยเฉพาะสิ่งที่ล่วงผ่านไปแล้ว ไม่ว่าผลของมันจะแย่ หรือไม่น่าพอใจแค่ไหน
คุณก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ กังวลไปก็เท่านั้น
จะพาลให้วันทั้งวันของคุณไม่มีความสุขไปเปล่า ๆ
ตั้งสติกลับมาใส่ใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบันดีกว่านะ ทำให้ดีที่สุด
ผลของการกระทำที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะได้ไม่ต้องมีอะไรให้เป็นกังวลอีก
8. เลิกเปิดทีวีไว้เป็นเพื่อน
ดูท่านี่จะเป็นนิสัยประจำตัวของหลาย ๆ ที่เมื่อถึงบ้านปุ๊บ
ก็ต้องเปิดทีวีปั๊บ แล้วตัวเองก็ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยตามปกติ
แล้วการเปิดทีวีทิ้งไว้เป็นเพื่อนนี่มันทำให้คุณไม่ฟีลกู้ดยังไงน่ะหรือ ..
ตัวอันตรายอยู่ที่ช่วงโฆษณาทั้งหลายนั่นไงล่ะ มาอวดสรรพคุณว่าอันนั้นดี
อันนี้เจ๋ง ที่นู่นกำลังลดราคาหากพลาดไม่ได้มาจะเสียใจ หรืออะไรทำนองนี้
สิ่งเหล่านี้มันเร้ากิเลสในใจให้ลุกโชน
การความรู้สึกอยากมีอยากได้อยากเป็นเจ้าของ
ซึ่งมันไม่ได้ทำให้จิตใจสงบมีความสุขเลย
9. บันทึกสิ่งดีของวันนั้นก่อนเข้านอน
ก่อนจะล้มตัวลงนอน คว้าไดอะรี่พร้อมปากกาขึ้นมาหนึ่งแท่ง
เขียนสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดีในตลอดวันนี้ลงไป
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างเจ้านายอนุมัติเลื่อนตำแหน่ง
หรือเรื่องเล็กกระจิริด อย่างกดลิฟต์ให้คนที่กำลังหอบของเต็มสองมือ
ไม่ว่ามันจะใหญ่หรือเล็กขนาดไหน
แต่มันก็เป็นเรื่องสำคัญที่ดีที่สุดของวันนั้น
อ่านแล้วก็อดยิ้มกริ่มตามไปไม่ได้ว่าวันนี้ก็มีเรื่องดี ๆ
เกิดขึ้นกับเราเหมือนกันนะ แล้วยิ่งได้บันทึกเอาไว้หลายวัน
เมื่อมาอ่านย้อนหลังแล้วคุณจะยิ่งรู้สึกว่า
ชีวิตเรานี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นทุกวันเลย
..แล้วอย่างนี้จะไม่ให้มีความสุขกับทุก ๆ วันของชีวิต ทั้งวันนี้และวันต่อ ๆ
ได้อย่างไรกันล่ะนี่ ^___^